บทที่
2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การศึกษา
เรื่อง สมุนไพรขจัดรอยเปื้อนครั้งนี้
ผู้ศึกษาได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งเนื้อหาของเอกสารงานวิจัยออกเป็นหัวข้อต่างๆ
ดังนี้
1.ความหมายและประโยชน์ของการทำสมุนไพรขจัดรอยเปื้อน
1.1 ความหมายของสมุนไพรขจัดรอยเปื้อน
1.2
ประโยชน์ของการทำสมุนไพรขจัดรอยเปื้อน
2.สมุนไพรที่นำมาขจัดรอยเปื้อน
2.1 มะนาว
รักษาอาการไอ ขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ ช่วยย่อยอาหาร
2.2 ตะไคร้
แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว ขับประจำเดือน
2.3 ว่านหางจระเข้
รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลสด ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น
3.สารที่ใช้ในการทำ
3.1
โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต (ผงฟู)
3.2
แคลเซียมคาร์บอเนต (ผงชอล์ก)
3.3
กลีเซอรีน
3.4
น้ำมันเปเปอร์มิ้นท์
3.5
ผงฟอง
1.ความหมายและประโยชน์ของการทำสมุนไพรขจัดรอยเปื้อน
1.1
ความหมายของสมุนไพรขจัดรอยเปื้อน
สมุนไพรขจัดรอยเปื้อน
หมายถึง พืชที่มีสรรพคุณทางยาที่สามารถนำมาทำเป็นน้ำ ที่ใช้สำหรับช่วยในการขจัดรอยเปื้อนได้
และได้ผลดี
1.2 ประโยชน์ของการทำสมุนไพรขจัดรอยเปื้อน
สมุนไพรขจัดรอยเปื้อนมีประโยชน์ ซึ่งสามารถแบ่งเป็นข้อๆได้ดังนี้
1. ได้ความรู้เพิ่มเติมและรู้จักคุณประโยชน์ของสมุนไพรทั้ง
3 ชนิด ได้แก่ มะนาว ตระไคร้และว่านหางจระเข้
2. สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
3. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
4. สามารถนำผลิตภัณฑ์ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
5. ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อผลิตภัณฑ์ขจัดคราบเพราะสามารถผลิตเองได้
2.สมุนไพรที่นำมาขจัดรอยเปื้อน
2.1 มะนาว
ชื่อวิทยาศาสตร์: Citrus
aurantifolia (Christm) Swing.
ชื่อสามัญ
(Common Name): Lime
ชื่อพฤกษศาสตร์
(Scientific Name): Citrus aurantitolia,Sevingle
ชื่อวงศ์
(Family Name): Rutaceae
ชื่ออื่นๆ
(Other Name): ภาคเหนือ: บะนาว
ภาคใต้: ส้มนาว
ภาคอีสาน:หมักนาว
ลักษณะทั่วไป
มะนาวเป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่
ต้นสูงประมาณ 3-4 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวคล้ายใบส้ม ใบหนาแข็ง
สีเขียวเข้ม ดอกสีขาวอมเหลือง กลีบหนาแข็ง ผลกลมเกลี้ยง ผิวมีต่อมน้ำมัน
การขยายพันธุ์
ใช้กิ่งตอน
การปลูก
นิยมปลูกด้วยกิ่งตอน
มะนาวขึ้นได้ดีกับดินแทบทุกชนิด โดยเฉพาะดินร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี ควร
ปลูกในฤดูฝน วิธีการปลูก ใช้กิ่งตอนปลูกในหลุม ใช้ปุ๋ยหมักรองเอาไว้หนึ่งก้อน
จะต้องรดน้ำทุกวัน ถ้าฝนไม่ตกควรหาอะไรมาบังเป็นร่มเอาไว้ก่อนที่ต้นจะแข็งแรงดี
รสและสรรพคุณยาไทย
เปลือกผล รสขม ช่วยขับลมได้ดี
น้ำของผลมะนาวเปรี้ยวจัด เป็นยาขับเสมหะ ใช้มะนาวผสมกับดินสอพองพอกบริเวณที่เป็นจะทำให้เย็นและยุบเร็ว
บรรเทาอาการท้องอืด ระงับการกระหายน้ำของผู้ป่วย-โรคเบาหวาน
น้ำมะนาว รักษาอาการไอ ขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ
ช่วยย่อยอาหาร
เมล็ด คั่วผสมเป็นยากวาด แก้ร้อนใน
ราก เป็นยาถอนพิษสำแดง ไข้กลับ หรือไข้ซ้ำ
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
ผิวเปลือกของมะนาวมีน้ำมันหอมระเหย
"โวลาทิล" เช่น Slaronoid,Organic acid,
citral และวิตามินซี น้ำมะนาวมีฤทธิ์รักษา
โรคลักปิดลักเปิด เนื่องจากมีวิตามินซี สูง สวนฤทธิ์ในการแก้ไอขับเสมหะ
เนื่องจากกรดที่มีอยู่ในน้ำมะนาว กระตุ้นให้มีการขับน้ำลายออกมา
ทำให้เกิดการชุ่มคอจึงลดอาการไอลงได้
คุณค่าทางอาหาร
มะนาวเป็นเครื่องปรุงรสอาหารไทยที่ขาดเสียไม่ได้ น้ำพริก ส้มตำ
ยำทุกชนิด ลาบและอีกมากมายหลายอย่างจะต้องใช้มะนาวปรุงรสเสมอ จึงจะเกิดรสดี
อร่อยสุดๆ นำมะนาวมาคั้นเป็นน้ำมะนาวจะได้น้ำมะนาวเข้มข้น ปรุงรสดื่มช่วย
ให้ร่างกายมีความรู้สึกว่าสดชื่นยิ่งขึ้น แก้ไอขับเสมหะได้ดีมากที่เดียว
ประโยชน์ของน้ำมะนาวที่รู้จักกันดีคือมีวิตามิน ซี สูงมาก
รักษาโรคเลือดออกตามลายฟัน แต่วิตามินซีจะละลายตัวง่ายในความร้อน
จึงต้องระมัดระวังในการปรุงอาหาร
ประโยชน์ของมะนาว มะนาวเป็นผลไม้พื้นๆที่ใช้บริโภคกันในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามะนาวลูกเล็กๆนั้น มีประโยชน์ในการรักษาโรคต่างๆได้มากมายหลายโรคด้วยกัน
ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่ใช้มะนาวรักษาโรค ประเทศเพื่อนบ้านของเรา เช่น
มาเลเซีย จีน และอินเดีย เขาก็ใช้มะนาวกัน ประเทศเพื่อนบ้านที่ไกลออกไป เช่น
อังกฤษ ฝรั่งเศส และประเทศแถบอเมริกาตะวันตกก็ใช้มะนาวแก้ไอและรักษาโรคอื่นๆเช่นเดียวกัน
ประโยชน์ของมะนาวในแง่การนำมาใช้เป็นสมุนไพร มีดังนี้
1. แก้ไอออกเลือด (ไอมีเลือดปน) -
ใช้น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา มะนาว 4 ลูก เกลือ
1 ช้อน หรือประมาณ 3-4 เม็ด
ผสมให้เข้ากันดี ให้มีรสเปรี้ยวเค็มหวาน ใช้จิบทุกครั้งที่ไอ -ใช้มะนาว 108
ใบ เบี้ยจั๊กจั่น 11 ตัว ปูนขาวหนักประมาณ 4
บาท วิธีทำ คั้นน้ำมะนาว ใส่เบี้ยจั๊กจั่นและปูนขาวปนกัน ดองประมาณ 3
คืน รับประทานครั้งละจอกชา แก้ไอออกเลือดดี
2. ต่อมทอนซิลอักเสบ เอาน้ำมะนาว น้ำผึ้งและปูนขาวผสมดื่ม
แก้ทอนซิลอักเสบ
3.แก้ซาง, ตุ่มในคอเด็ก,
เสมหะ - เมล็ดมะนาวขับเสมหะแก้โรคซางของเด็ก แก้เม็ดยอดในปากโดยเอาเม็ดมะนาวเผาไฟ
บดให้ละเอียด ใช้น้ำมะนาวหรือรากของมะนาวฝนกันน้ำเป็นกระสาย ผสมเข้าด้วยกัน
แล้วกวาดซางเด็ก - ให้เอาน้ำมะนาว 1 ช้อนชา
แล้วเอารากมะนาวฝนให้ข้นดี แล้วจึงเอาไปล้วงคอเด็กสัก 2-3 ครั้งก็หาย
- ใช้เม็ดมะนาวเคี้ยวกิน ขับเสมหะ ใช้ติดต่อกัน 7 วัน
ได้ผลดี
4. แก้เสียงแหบแห้ง - มะนาวทำให้เสียงไม่แหบแห้ง
ตื่นตอนตอนเช้าทุกครั้งให้ผ่ามะนาวครึ่งหนึ่ง จิ้มเกลือบีบน้ำลงคอกลืนกิน
ทำทุกเช้าทุกวัน ทำให้เสียงไม่แหบแห้ง
5. ก้างติดคอ - เมื่อก้างปลาติดคอ เอามะนาว 1 ลูกคั้น
เอาแต่น้ำ เติมเกลือ น้ำตาลนิดหน่อยกรอกลงไปให้ตรงก้างที่ติดคอ อมไว้สักครู่
แล้วจึงค่อยกลืน ก้างจะอ่อนตัวหลุดลงไปในกระเพาะ - ก้างปลาติดคอซึ่งเป็นชิ้นเล็กๆ
เมื่อกลืนน้ำลายจะทำให้รำคาญเท่านั้น ให้ผ่ามะนาวแล้วนำมาอมไว้ในปาก
อมจนรู้สึกรสเปรี้ยวของมะนาวเจือจางสัก 2-3 หน
จะทำให้ก้างหลุดออกไปได้
6. แก้ไข้ - นำใบมะนาวมาหั่นฝอยๆ ชงด้วยน้ำเดือด
ดื่มแบบน้ำชาจะช่วยลดไข้และใช้อมกลั้วคอฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย -
ประเทศในทวีปอาฟริกาตะวันตกนิยมใช้เปลือกรากมะนาวต้มเป็นยาแก้ไข้อย่างดี
และใช้ใบทำเป็นยาชงกินแก้ไข้ที่มีอาการตัวเหลืองเล็กน้อย
นอกจากนี้ยังใช้น้ำมะนาวดื่มแก้กระหายน้ำ แก้ไข้อีกด้วย - ที่ประเทศอินเดีย
ถ้าเป็นไข้หวัดใหญ่ นิยมรักษาโดยดื่มน้ำมะนาวแล้วพักผ่อน ถ้าเป็นไข้หวัดธรรมดา
จะรับประทานผลอินทผลัมและดื่มน้ำมะนาวรักษา
7. แก้ไข้ทับระดู เอาใบมะนาว 100 ใบ
มาต้มกินแล้วหาย
8. แก้ปวดศีรษะ - เอามะนาวมาฝานเป็นซีกบางๆ แล้วเอาปูนที่กินกับหมาก
ละเลงด้านหน้าของซีกมะนาวนั้นบางๆ แล้วปิดตรงขมับ ทำอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ อาการปวดก็ค่อยหายดีขึ้นทุกวัน - ใช้น้ำมะนาวผสมกับน้ำตาลสัก 1
แก้ว ดื่มตอนเช้า ช่วยให้หายจากโรควิงเวียนและปวดหัว - ชาวมาเลเซีย
ใช้ใบมะนาวผสมกับน้ำมะนาว บดทำเป็นยาใส่ผมแก้ปวดศีรษะ -
ประเทศในทวีปอาฟริกาตะวันตก ใช้ใบมะนาวตำให้ละเอียดถูศีรษะหรือเคี้ยวรากมะนาวแก้ปวดศีรษะ
9. แก้เลือดออกตามไรฟัน - เกิดจากการขาดวิตามินซี
ทำให้เหงือกบวมและมีเลือดออกตามไรฟันเป็นประจำ หรือมีเลือดออกได้ง่าย เช่น
มีเลือดกำเดาไหล มีจุดพรายย้ำขึ้นตามผิวหนัง อาจมีเลือดออกจนซีดได้ ถ้าอาการรุนแรง
จะมีอาการปวดน่อง ข้อเท้าบวม การรักษาให้กินมะนาวหรือผลไม้เปรี้ยวๆ เช่น ส้ม
จะแก้ได้ - แก้โรคลักปิดลักเปิดหรือเลือดออกตามไรฟัน
ใช้มะนาวถูฟันสักพักเลือดก็จะหยุด
10. แก้เหงือกบวม ใช้ลำสีชุบมะนาวเช็ดที่เหงือกวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
11. แก้ลิ้นเป็นฝ้า ใช้ลำสีชุบมะนาวเช็ดที่ลิ้นวันละ 3ครั้ง
12. ขจัดคราบบุหรี่ ใช้มะนาวถูฟันที่มีคราบบุหรี่จับ
เมื่อใช้มะนาวถู คราบนั้นจะหาย ถ้าฟันผู้ที่รับประทานหมากต้องถูกบ่อยๆ
ถ้าจับมากหลายวันแล้วต้องถอดฟันแช่น้ำมะนาวไว้ค้างคืน (หมายถึงผู้ใส่ฟันปลอมนะ)
ฟันจะขาวสะอาดเงางาม
13. ยาบ้วนปาก บีบน้ำมะนาวลงในแก้วสัก 2-3 หยดเท่านั้น
บ้วนปากได้สะอาดยอดเยี่ยม
14. แก้เป็นลมวิงเวียน อยากอาเจียน - ใช้มะนาวผ่าซีก โรยเกลือป่น
เหยาะน้ำตาลทรายขาวสักนิดบีบกินลงไปพักเดียวหายเป็นปลิดทิ้ง
ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้จากการตั้งครรภ์ เมารถ แพ้อากาศ มะนาวช่วยคุณได้ -
ใช้มะนาวจิ้มเกลืออมไว้ในปากสักครูจะรู้สึกสดชื่นจากการเป็นลมวิงเวียน หน้ามืดได้
- ใช้เปลือกมะนาวแกะออกแล้วบีบหรือดมใกล้จมูก แก้เป็นลม วิงเวียน หน้ามืดตาลาย -
ด้านประเทศฟิลิปปินส์และประเทศจีน ใช้เปลือกลูกมะนาวขยี้ใก้ดมแก้คลื่นไส้หรือเป็นลม
หมอพื้นเมืองชาวอินเดีย นิยมใช้น้ำมะนาวแก้อาเจียน
15. แก้วิงเวียนเมื่อคลอดบุตร - เอามะนาวปอกใส่ภาชนะ 2-3 ลูก เพื่อให้คนที่คลอดบุตรนั้นกินแก้วิงเวียน หน้ามืด ตาลาย - เอามะนาว 3
ผล เกลือป่นและพริกไทยป่นพอควร ละลายด้วยน้ำร้อน แทรกเหล้าโรงประทาณให้ได้สักครึ่งถ้วยชา
เวลาตกฟากรับประทาน 1 ครั้ง หรือรับประทาณต่อไปอีกก็ได้ 16.
แก้เมาเหล้า เมายา - ดื่มน้ำมะนาวหรืออมกับเกลือ
สำหรับคนเมาเหล้าหรือวิงเวียนจะเป็นลม
17. แก้ลมเงียบ เอาใบมะนาวมาต้มกินกับยาหอมประมาณ 1 อาทิตย์
18. แก้ตาแดง เอามะนาวผ่า แล้วเอาเมล็ดในออกให้หมด
แล้วก็บีบเอาน้ำมะนาวหยอดลงในตกทั้ง 2 ข้างหลายๆหยด สัก 1-2
นาที พอหายแสบแล้วล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด เช็ดหน้าเรียบร้อยแล้วก็สบาย
และใช้มะนาวต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะหายตาแดง
19. บำรุงตา ใช้มะนาวสดทั้งลูกฝานตามที่เห็นสมควร แล้วบีบใส่ตาประจำ
ประมาณเดือนหรือสองเดือนครั้งก็ใช้ได้ (เนื่องจากตาเป็นอวันวะที่บอบบางมาก
และน้ำมะนาวนั้นหยอดลงไปแล้วจะรู้สึกแสบตา ดังนั้น
เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นจึงไม่ควรใช้น้ำมะนาวนี้หยอดตา)
20. บำรุงผิว เอาเปลือกที่บีบเอาน้ำออกแล้ว นำมาทาบริเวณข้อศอก คาง
เข่า ฝ่าเท้า ส้นเท้า ช่วยให้ส่วนเหล่านั้นนุ่มนวลได้อย่างดี
21.
แก้ผิวแตก ใช้มะนาวทาผิวหนังทำให้ชุ่มชื้น
ไม่แตกกร้านในช่วงอากาศแห้ง
22. แก้สิวฝ้า - ในกรณีที่สิวไม่มีการอักเสบติดเชื้อเป็นหนอง
การรักษาอย่างง่ายที่ถูกวิธี คือ การทำความสะอาดใบหน้า
เพื่อลดไขมันและกำจัดสิ่งอุดตันตามรูขุมขนบนใบหน้า หรือบริเวณอก คอ ที่มีสิวขึ้น
ฉะนั้นมะนาวจะช่วยรักษาสิงให้ลดน้อยลงได้
เพราะน้ำมะนาวมีสภาวะเป็นกรดอ่อนๆจะทำให้เนื้อเยื่อที่ตามแล้วหลุกออกไป
ทำให้ลดการอุดตันของรูขุมขน กรดอ่อนๆจะช่วยกำจัดเชื้อโรคและช่วยกำจัดไขมันได้บ้าง
วิธีใช้ คือ
ล้างหน้าด้วยสบู่ธรรมดาให้สะอาดแล้วผ่ามะนาวทาบริเวณที่มีสิวขึ้นให้เปียกชุ่มจนทั่ว
ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงล้างออกด้วยสบู่อีกครั้ง
ทำเช่นนี้วันละ 1-2 ครั้ง เช้าและเย็น -
ใช้แป้งดินสอพองกับน้ำมะนาวทาบริเวณที่เป็นสิวก่อนนอนทุกวัน
สิวจะค่อยๆยุบหายไปในที่สุด - ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ไข่ขาว 1
ช้อนชา ผสมกันให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเอาไปแต้มที่ตุ่มสิว
หรือผู้ที่ไม่มีสิว ใช้ทาบางๆทั่วไปประมาณ 30 นาที
แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสบู่ หน้าจะนิ่มนวลอยู่เสมอ
23. ลบรอยแผลเป็น รอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุ
ใช้น้ำมะนาวผสมดินสอพองทาบริเวณที่เป็น ทำให้หน้าไม่ดำ
หรืออาจใช้ใบมะลิสดตำผสมเพิ่มเข้าไปอีกก็ได้
24. แก้ขาลาย คนที่มีขาลายเป็นจุดด่างดำเม็ดเล็กๆนั้น
แก้ได้โดยเอาน้ำมะนาวบีบใส่ดินสิพองหมาดๆ แล้วทาทุกๆคืนก่อนนอน พอรุ่งเช้าก็ล้างออก
ทำอย่างนี้ทุกวัน ไม่นานวันรอยด่างดำก็ลบหายไปเอง
25. แก้น้ำเหลืองเสีย ใช้ใบมะนาว 108 ใบกับเกลือหรือดีเกลือ
2 บาท หรือประมาณ 3 ช้อนคาวรวมกัน
ต้มรับประทานเป็นยาระบายถ่ายน้ำเหลืองเสีย รับประทานครั้งละครึ่งถ้วยแก้วกลาง
วันละ 1 ครั้งก่อนเข้านอน
26. แก้ส้นเท้าแตก
เอามะนาวสดผ่าซีกแล้วบีบมะนาวให้หยดลงบนบริเวณที่เป็นแผลนั้น เพียงวันละ 2-3
ครั้ ภายใน 7 วัน โรคส้นเท้าแตกจะหายไปเอง
27. ดับกลิ่นเต่า ใช้น้ำมะนาวทารักแร้ป้องกันกลิ่นเต่า
28. แก้โรคผิวหนัง ประเทศแถบทวีปอาฟริกาตะวันตกและประเทศอินเดีย
ใช้น้ำมะนาวทาแก้โรคผิวหนัง แต่ของอินเดีย เวลาอาบน้ำ ห้ามฟอกสบู่บริเวณที่เป็น
29. แก้กลาก เกลื้อน หิด - นำกำมะถันตำให้ละเอียดบีบมะนาวใส่พอสมควร
ทาบริเวณที่เป็นเกลื้อนหลังอาบน้ำและก่อนนอน เคยใช้กับญาติโยมหลายราย ผลออกมาแล้วหายเกือบ
90 เปอร์เซ็นต์ -
ใช้มะนาวผ่าซีกแตะผงกำมะถันแล้วมาถูบริเวณที่เป็นหิด กลากเกลื้อนจะกายในเร็ววัน
30. แก้หูด เอาเปลือกมะนาวหมักกับน้ำส้มสายชู 2 วัน ตัดเปลือมะนาวมาปิดที่หูด ปิดทับด้วยพลาสเตอร์ค้างคืนไว้
รุ่งเช้าจึงเอาออก ให้ทำเช่นนี้นาน 2 อาทิตย์
31. แก้พุพอง ใช้รากมะนาวฝนกับน้ำซาวข้าว ทาแก้พุพอง แสบร้อน
32. แก้น้ำกัดเท้า ใช้มะนาวทาที่เป็นตุ่มคัน น้ำกัดเท้า
ทาแล้วทิ้งให้แห้ง ล้างออกด้วยน้ำสบู่ ให้ผ้าเช็ดให้แห้ง แล้วเอาแป้งทา
ตุ่มคันก็จะหาย
33. แก้ปูนซีเมนต์กัด เวลาถูกปูนซีเมนต์กัดตามมือ เท้า
เอามะนาวมาตัดกลางลูก แล้วบีบน้ำมะนาวตรงที่ปูนกัดก็จะหาย
34. แก้คัน - ใช้มะนาวตัดกลางลูกรมไฟพออุ่น ถูทาตามที่คันภายใน 2-3
วัน จะหาย - เรื่องแก้คันนี้ในประเทศอินเดีย ใช้มะนาวผสมน้ำผึ้ง
ทาบริเวณที่คันและเวลาอาบน้ำ อย่าฟอกสบู่บริเวณที่คัน ใช้ทาทุกครั้งเมื่อรู้สึกคัน
35. แก้หนอนคัน แถวชนบทมีตัวหนอนหลายชนิด
เมื่อเราไปถูกมันเข้าจะทำให้เนื้อตรงบริเวณนั้นคันมาถึงกับเน่าเปื่อยก็มี
ถ้าไปถูกตัวหนอนแล้วคันแต่ยังไม่เปื่อยเป็นแผล ให้เอามะนาวผ่าซีกถูตรงที่คันนั้น
แต่ถ้าเปื่อยเป็นแผลแล้ว ให้เอาบานไม่รู้โรยมาตำกับปูนที่กินกับหมากผสมน้ำเล็กน้อย
ทาตรงแผยเปื่อยรับรองหาย
36. แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย - ใช้ระงับความเจ็บปวดจากพิษแมลงได้
โดยใช้มะนาวพอกบริเวณปากแผลทิ้งไว้ 2-3 นาทีแล้วเปลี่ยนใหม่ทำดูจะหายปวด
- ในประเทศจีน ใช้ผลสดคั้นเอาน้ำ ทาบริเวณที่ถูกตะขาบกัด
แมลงป่องต่อยทันทีจะแก้ได้
37. แก้สังคัง ใช้มะนาวผ่าซีก ทาก่อนนอนและหลังตื่นนอน
เพียงไม่กี่วันก็หาย
38. ใช้สระผม แก้คันศีรษะ - ใช้น้ำมะนาวสระผมทำให้ผมสะอาด หอม -
ถ้าคันศีรษะบ่อย ใช้น้ำมะนาวนวดศีรษะให้ทั่วสักครู่ก่อนสระผมจะแก้ได้
39. แก้หัวโน ใช้แป้งดินสอพองผสมน้ำมะนาว ทาตรงที่ช้ำบวมสักพักใหญ่ๆ
อาการปวดบวม ปูด ก็จะยุบ หมั่นทาวันละ 1-2 ครั้ง ภายใน 2
วันก็จะหายไปเอง
40. แก้ผิวหนังฟกช้ำ ผสมน้ำมะนาวกับดินสอพองข้นๆ ทาบริเวณที่มีอาการผิวเนื้อถูกกระแทกเขียวฟกช้ำ
หรือบวมโน จะหายเป็นปกติ
41.แก้หนามปัก แก้หนามปักคา
ใช้มะนาวกับน้ำมันตับปลา ใส่ที่แผลจะดูดหนามออกมาได้
42. แก้เล็บขบ เอามะนาวมาผ่าตรงส่วนหัวออกขนาดพอสอดนิ้วเข้าไปได้
ใช้มีดคว้านเอาเนื้อข้างในออกเล็กน้อย เสร็จแล้วเอาปูนทาบางๆ แล้วเอานิ้วสอดเข้าไป
แล้วทิ้งไว้ ทำดังนี้ 2-3 ครั้ง อาการเล็บขบจะหายไป
43. แก้ปลาดุกยัก
ใช้มะนาวผ่าซีกแล้วกดหรือถูครงรอยปลาดุกยักสักพักหนึ่ง จะหายปวดภายใน 4-5นาที
44. แก้งูกัด แก้งูกัดให้ปฏิบัติดังนี้ 1. ให้คนเจ็บนอนราบๆ
เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนทั่วร่างกายช้าลง และพิษงูจะได้แผ่ซ่านช้าลงด้วย 2.
ถ้าถูกงูพิษกัดที่แขนและขา ให้เอาเชือกรัดเหนือแผลหน่อย
กะให้รัดอยู่ในระหว่างแผลกับหัวใจของคนเจ็บ
การรัดให้รัดพอให้เลือดตรงผิวหนังนั้นหยุดไหลเพื่อกันไม่ให้พิษผ่านเข้าเส้นโลหิตดำเท่านั้น
ไม่ต้องรัดแน่นมากจนหลอกเลือดที่อยู่ลึกลงไปพลอยหยุดไหลไปด้วย
ถ้ารัดพอดีๆจะสังเกตเห็นน้ำเหลืองไหลซึมออกจากแผลอยู่เรื่อยๆ 3. ใช้ใบมีดโกนที่สะอาดและฆ่าเชื้อแล้ว กรีดลงบนแผลเป็นรูปกากบาท ลึกสัก 1
ใน 8 นิ้ว ยาว สัก 1 ใน 4
นิ้ว ทั้ง 2 เขี้ยว อย่าตกใจว่าจะเสียเลือด
เพราะมันจะช่วยล้างพิษออกด้วย ให้ใช้ปากดูดพิษออกมาจากแผลที่กรีด
พิษงูจะไม่เป็นอันตรายเมื่อเข้าไปอยุ่ในปาก นอกจากจะมีแผลในปากหรือฟันผุเท่านั้น
เมื่อดูดพิษออกมาให้รีบบ้วนทิ้ง แล้ววางน้ำแข็งที่แผลสลับกับการดูดช่วยด้วย
และระวังให้แขน ขาที่ถูกงูกัดให้อยู่ต่ำๆไว้ หมายเหตุ ถ้าฟันผุหรือมีแผลในปาก
ใช้ขวดอุ่นให้ร้อน (ระวังแตก) เอาปากขวดทาบกับแผล เพื่อช่วยดูดเลือดออกจากแผลแทน 4.
ให้กินน้ำมะนาว ขนาดผลโตๆสัก 1 ผล
น้ำมะนาวจะไปทำปฏิกิริยากับพิษงูที่แล่นเข้าสู่กระเพาะอาหาร
สักครูก็จะอาเจียนออกมา มีเลือดปนเล้กน้อย ซึ่งแสดงว่าพิษงูได้หมดฤทธิ์แล้ว 5.คนเจ็บจะเกิดความมั่นใจและค่อยหายกลัว
ให้เขาดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มร้อนๆได้ แต่อย่าให้กินเหล้า
พิษงูมันเดินเข้าหัวใจอย่างช้าๆ แต่หลังจากที่ถูกงูกัด อาจปวดมากจนถึงกับช็อค
ให้คนเจ็บอยู่เงียบๆ เพราะถ้าไปทำอะไรเข้า จะเป็นการเร่งพิษเดินทางเข้าสู่หัวใจเร็วเข้าอีก
ให้ใช้น้ำแข็งหรือผ้าชุบน้ำแข็งวางที่แผล จะช่วยบรรเทาอาการปวดลงได้
และรีบนำส่งรักษาที่โรงพยาบาล
45. ป้องกันงู เมื่อใช้มะนาวคั้นเอาน้ำหมดแล้ว
เอาเปลือกวางท้องเอาไว้ใกล้ๆที่นอน จะทำให้งูไม่มารบกวน เพราะได้กลิ่นมะนาว
46. แก้แมงคาเรืองเข้าหู นำน้ำมะนาวอย่างเดียว กรองด้วยผ้า
ใช้หยอดหู แก้แมงคาเรืองเข้าหู ถ้าตัวยังไม่ตายจะหนีออกมา
ถ้าไม่หนีออกมาตัวจะตายในหู
47. แก้ฝี - แก้ปวดฝีใช้รากสดฝนกับเหล้าทา - ขูดเอาผิวมะนาว
ผสมกับปูนแดงปิด ฝีจะหาย
48. แก้ฝีมะตอย เอามะนาวทั้งลูก มาคว้านไส้ในออกให้เอานิ้วเข้าไปได้
แล้วเอาปูน (กินหมาก) ทาเข้าไปในลูกมะนาวเล็กน้อย แล้วสวมเข้านิ้วที่มีฝีขึ้น
49. แก้แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
ให้เอาน้ำมะนาวมาชะโลมบริเวณที่ถูกไฟไหม้หรือถูกน้ำร้อนลวก มีสรรพคุณดับพิษปวดแสบแวดร้อนได้ผล
50. แก้บาดทะยัก เมื่อดถูตะปูตำ หนามเกี่ยว หรือถูกของที่มีคม
เอาน้ำมะนาวบีบใส่แผลที่เป็น จะป้องกันบาดทะยักได้
51. แก้ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ - แก้อาการปวดท้อง แน่นท้อง
เอาผลมะนาวครึ่งผล บีบเอาน้ำมะนาวใช้กินกับน้ำอ้อย หรือน้ำตาล แก้อาการนี้ได้ -
เด็กท้องอืดร้องกวนในเวลากลางคืน เอาปูนเคี้ยวหมากขยี้ลงบนฝ่ามือ
บีบน้ำมะนาวคลุกให้ทั่ว แล้วทาท้องด็ก สักครู่เด็กจะผายลม 2-3 ครั้ง แล้วหยุกร้องไห้ หลับสบายตลอดคืน เพราะน้ำมะนาวทำปฏิกิริยากับปูน
ให้ความร้อนเกิดความอบอุ่น
52. รักษาโรคกระเพาะ เปลือกผลมะนาว ใช้ชงกับน้ำอุ่ม
ดื่มเป็นยาขับลมและแก้โรคกระเพาะได้
53. แก้ท้องผูก ใช้มะนาว ประมาณค่อนแก้วกาแฟ ใส่เกลือเล็กน้อย
ให้เค็มพอประมาณ ดื่มทุกวันเป็นยาระบายได้ดี ทำให้เจริญอาหาร
54. แก้ท้องร่วง ประเทศอินเดีย ใช้น้ำมะนาวกับน้ำสะอาดดื่มแก้ท้องร่วง
55. แก้อาหารเป็นพิษ น้ำมะนาว น้ำปูนใส เติมเกลือให้มีรสเค็ม
กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ แก้อาหารเป็นพิษ
56. แก้ผิดสำแลง - รากมะนาว ฝนกับน้ำซาวข้าวรับประทานแก้ผิดอาหาร
ถ้าได้รากมะนาวหวานยิ่งดี - เอามะนาวบีบเอาน้ำใส่ถ้วย แล้วเอาปูนกินหมากมาแช่น้ำ
แล้วเอาน้ำใสๆของปูนมาผสมน้ำมะนาว แล้วรับประทานแก้กินของผิดได้เป็นอย่างดี
57. แก้บิด - ใช้มะนาวกับน้ำผึ้งเอาเท่าๆกัน กินครั้งละ 1 ถ้วยตะไล สัก 2-3 ถ้วย แก้บิดได้ หรือจะผสมน้ำปูนใส
อย่างละเท่าๆกัน ก็ได้ผลเช่นกัน - ชาวมาเลเซียใช้รากมะนาวต้มกินแก้บิด
58. ขับพยาธิไส้เดือน
ชาวอินเดียใช้น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งดื่มขับพยาธิไส้เดือน
59. แก้นิ่ว เอามะนาวมา บีบมะนาวแช่หินปูน หากหินปูนละลาย
ก็เอารากมะนาวนั้นมาต้มกิน แล้วนิ่วก็คือหินปูนในกระเพาะปัสสาวะจะอยู่ได้อย่างไรก็ต้องละลายออกมาหมดอย่างแน่นอน
หากนิ่วก้อนใหญ่ก็ต้องใช้เวลาหน่อย
60. แก้ปัสสาวะกะปริดกะปรอย ใช้ใบมะนาวสดต้มกินกับน้ำตาลแดง ประมาณ 2-3
วันก็หาย
61. แก้ระดูขาว น้ำมะนาว 2 ช้อน เกลือ น้ำตาลนิดหน่อย
ผสมน้ำสุก ใส่น้ำแข็งรับประทานแก้และรักษาสตรีมีระดูขาวมากๆ
62. ฟอกโลหิต ใช้ใบมะนาว 7 ใบ ต้มผสมกับน้ำ
กินครั้งละ 3 ถ้วยชา วันละ 3 เวลา
ได้ผลดี
63. แก้โลหิตจาง ให้เอาผลมะนาวผ่าซีก บีบเอาเฉพาะน้ำ
ผสมกับน้ำหวานแล้วปรุงด้วยเกลือทะเลพอสมควร ใส่น้ำแข็ง ใช้รับประทานบ่อยๆ
เป็นยาบำรุงโลหิต แก้โลหิตจาง และทำให้มีฟิวพรรณผุดผ่องมีน้ำมีนวล
64. แก้เหน็บชา ให้เอาลูกมะนาวเท่าอายุคนป่วย ใช้มีดบางคมๆ
ผ่าสองเอาหนึ่ง ส่วนที่ไม่เอาแล้วแต่เราจะเอาไปทำอะไร ให้เอาน้ำตาลทรายขาว 1
ลิตร เกลือ 1 ลิตร เอาน้ำ 4 ลิตร ต้มให้เดือด ยกลง พอเย็นหน่อยก็เทใส่ไห
แล้วจึงเอามะนาวส่วนที่เอาเทลงดองไว้ในไห ปิดปากไห ไปฝังไว้ในข้าวเปลือก 7 วัน แล้วเอาน้ำมากินให้หมด แล้วเอากากไปตำตากแดดให้แห้ง เอามากินให้หมด
โรคเหน็บชาจะหายไป
65. แก้ร้อนในกระหายน้ำ มะนาวสามารถแก้ความกระหายได้ดี
กินน้ำมะนาวใส่น้ำแข็งแล้ว จะรู้สึกชุ่มคอ
66. แก้อ่อนเพลีย - ใช้มะนาว 1 ผลครึ่ง
บีบเอาแต่น้ำใส่แก้ว แล้วใส่น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
เติมน้ำให้ได้ประมาณครึ่งแก้ว กะให้หวานพอดี ดื่มให้หมด จะรู้สึกกระชุ่มกระชวยดี -
เวลาฟื้นจากไข้ทานอาหารไม่อร่อยหรือไม่อยากทานอะไรเลยต้องแก้ด้วยอาหารที่มีรสเปรี้ยว
ใส่มะนาวหรือชงน้ำมะนาวดื่ม หรือกินมะนาวจิ้มยาหอม หรือกินมะนาวจิ้มเกลือ
67. เป็นยาอายุวัฒนะ - ใช้มะนาว 1 ลูกผ่าออกเอาเม็ดท้อง
แล้วคั้นเอาน้ำชงกับน้ำตาล 2 ช้อน และน้ำร้อนพอควร ทำให้แข็งแรงและชุ่มชื่นในลำคอ
- ใช้มะนาว 50 ผล น้ำผึ้ง 1 ขวดขาว
พริกไทยร่อนครึ่งลิตรเล็ก ตำพริกไทยให้ป่น ใส่ผ้าขาวบางห่อ ใส่โหลดองรวมกันประมาณ 3
วัน นำมากินได้เป็นยาอายุวัฒนะ
68.ยาเจริญอาหาร เอามะนาว 30 ลูกผ่าซีกทั้งเปลือกแล้วเอายาดำหนัก
5 บาท ใส่ดีเกลือเล็กน้อย
หร้อมกับเกลือแกงอีกพอประมาณจนรู้สึกว่ามีรสเค็ม
เอายาทั้งหมดใส่ขวดโหลดองไว้ประมาณ 3 คืน
รับประทานมีสรรพคุณทำให้เป็นยาระบายถ่ายพยาธิ และเจริญอาหาร
69. แก้ความดัน เอาใบมะนาว 108 ใบ
ต้มรับประทานแก้โรคความดันต่ำและสูง
70. แก้ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ (โรครูมาติซั่ม) ให้ดื่มน้ำมะนาว
ดังนี้ วันที่ 1 ให้ดื่มน้ำมะนาว 2 ผล
วันที่ 2 ให้ดื่มน้ำมะนาว 4 ผล
แบ่งให้วันละ 2 ครั้ง วันที่ 3 ให้ดื่มน้ำมะนาว
6 ผล แบ่งให้วันละ 3 ครั้ง
ให้เพิ่มมะนาวเรื่อยๆจนถึงวันที่ 10 ซึ่งใช้มะนาว 20 ผล แบ่งให้วันละ 5 ครั้ง วันที่ 11 ให้ดื่มน้ำมะนาวใหม่ 2 ผล วันที่ 12 ให้ดื่มน้ำมะนาวใหม่ 4 ผล แบ่งให้วันละ 2 ครั้ง ให้เพิ่มมะนาวเรื่อยๆจนถึงวันที่ 20 ซึ่งใช้มะนาว
20 ผล แบ่งให้วันละ 5 ครั้ง
71. ลดความอ้วน การดื่มเครื่องดื่มต้องใส่น้ำตาลน้อยที่สุด
และควรดื่มวันละ 8-10 แก้วทุกวัน ตื่นเช้าควรดื่มน้ำมะนาว 1
ผล ในน้ำอุ่นและขนมปังไม่เกิน 1 แผ่น
ก่อนอาหารทุกมื้อควรดื่มน้ำมะนาวครึ่งผลผสมน้ำเย็น
ก่อนอาหารกลางวันและอาหารเย็นจะช่วยให้อิ่ม อย่าให้ดื่มขณะที่ทานอาหาร
ถ้ารู้สึกหิวก่อนเวลาอาหารไม่ว่ามื้อใด ให้รับประทานอาหารที่มีรสเปรี้ยว
หรือน้ำส้ม น้ำมะนาวสักแก้ว
72. ใช้ในครัวเรือน - หุงข้าวให้ขาวและอร่อย บีบน้ำมะนาว 2-3
ช้อนในข้าว แล้วนำไปซาวข้าว เมื่อหุงเสร็จข้างจะขาว สะอาด กินอร่อย
ไม่ออกรสมะนาวเลย - นิ้วมือเวลาเด็ดผักหรือหั่นผัก
เนื้อใกล้ๆเล็บมือจะเป็นสีดำมองดูน่าเกลียด ใช้มะนาวถูจะแก้ได้ -
เวลาใช้มีดผ่าปลีกล้วย มีดจะเป็นสีม่วงคล้ำ ใช้มะนาวผ่าซีกถูตามใบมีด
มีดจะสะอาดดังเดิม - ทอดไข่เจียวให้ฟูและนิ่ม ขณะตีไข่ให้ใส่มะนาว 4-5 หยด ไข่จะฟูและนิ่ม - การเชื่อมกล้วยหักมุกให้น่ารับประทาน
พอน้ำตาลเดือดเป็นยางมะตูม ให้บีบมะนาวครึ่งซีกตาม
แต่กล้วยมากหรือน้อยจะช่วยให้กล้วยใสน่าทาน - ถ้าต้มปลาสด
ต้องการให้ปลาคงรูปไม่เละ ไม่มีกลิ่นคาว ควรบีบมะนาวลงไปสักนิดหน่อย - ใช้มะนาว 2-3
ผล แทรกไว้ในข้าวสาร จะช่วยป้องกันมอดได้ - เปลือกมะนาวใช้เช็ดภาชนะ
ทองเหลือง ทองแดง เครื่องเงิน เครื่องนาค เครื่องเงินจะใหม่ เงางามสุกใสขึ้น
- ฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆ 2-3 ลูกใส่ในน้ำเย็น 1 ป๋อง ประมาณ 10 ลิตร เติมการบูร 2 แท่ง ตั้งทิ้งไว้ในห้องที่ทาสีใหม่ๆ ปิดประตู หน้าต่างให้หมด น้ำมะนาวและการบูรจะช่วยดูดกลิ่นสีได้อย่างดี - ผ้าที่เปื้อนน้ำหมาก เปื้อนหมึก ใช้น้ำตาลทรายเล็กน้อย โรยตรงรอยเปื้อนหยดน้ำลงไปพอชุ่ม แล้วถูด้วยมะนาวจะลบรอยเปื้อนได้ - เตารีดร้อนจัดรีดผ้าขาวจะทำให้ผ้าเหลือง ให้เอาน้ำมะนาวทาที่เตารีด ก่อนรีดผ้าจะแก้ได้ - ต้มผ้าให้สะอาด ฝานมะนาว 2-3 ชิ้น ใส่ด้วย ช่วยให้ผ้าสะอาด - ใช้มะนาว เกลือป่น ถูบริเวณที่เสื้อขาวเปื้อนเลือด ซักด้วยน้ำเย็นจะออกหมด - เครื่องใช้ที่เป็นหนังทิ้งไว้นานหลายปีทำให้แข็งกระด้าง เอาน้ำมะนาวขัดถู ทำให้หนังนิ่มแล้วใช้ยาขัดอีกที จะทำให้ดูใหม่ขึ้น
- ฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆ 2-3 ลูกใส่ในน้ำเย็น 1 ป๋อง ประมาณ 10 ลิตร เติมการบูร 2 แท่ง ตั้งทิ้งไว้ในห้องที่ทาสีใหม่ๆ ปิดประตู หน้าต่างให้หมด น้ำมะนาวและการบูรจะช่วยดูดกลิ่นสีได้อย่างดี - ผ้าที่เปื้อนน้ำหมาก เปื้อนหมึก ใช้น้ำตาลทรายเล็กน้อย โรยตรงรอยเปื้อนหยดน้ำลงไปพอชุ่ม แล้วถูด้วยมะนาวจะลบรอยเปื้อนได้ - เตารีดร้อนจัดรีดผ้าขาวจะทำให้ผ้าเหลือง ให้เอาน้ำมะนาวทาที่เตารีด ก่อนรีดผ้าจะแก้ได้ - ต้มผ้าให้สะอาด ฝานมะนาว 2-3 ชิ้น ใส่ด้วย ช่วยให้ผ้าสะอาด - ใช้มะนาว เกลือป่น ถูบริเวณที่เสื้อขาวเปื้อนเลือด ซักด้วยน้ำเย็นจะออกหมด - เครื่องใช้ที่เป็นหนังทิ้งไว้นานหลายปีทำให้แข็งกระด้าง เอาน้ำมะนาวขัดถู ทำให้หนังนิ่มแล้วใช้ยาขัดอีกที จะทำให้ดูใหม่ขึ้น
2.2ตะไคร้
ชื่อวิทยาศาสตร์: Cymbopogon
citratus Stapf
วงศ์ (Family
Name): GRAMINEAE
ชื่ออื่นๆ
(Other Name): ภาคเหนือ: จะไค (Cha-khai)
จะไค้ (Cha-khai)
ภาคใต้: ไคร (Khrai)
ชวา: ซีเร (Sere)
ถิ่นกำเนิด อินโดนีเซีย ศรีลังกา พม่า อินเดีย อเมริกาใต้
ไทย
รูปลักษณะ
ไม้ล้มลุกทีมีอายุได้หลายปี ชอบดินร่วนซุย
ปลูกได้ ตลอดปี ใบสีเขียวยาวแหลม ดอกฟูสีขาว หัวโตขึ้น
จากดินเป็นกอๆ กลิ่นหอมฉุนค่อนข้างร้อน
สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
น้ำมันจากใบและต้น
– แต่งกลิ่นอาหาร เครื่องดื่ม แก้กระหาย แก้ร้อนใน
ลำต้นแก่หรือเหง้า –
แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว ขับประจำเดือน
สรรพคุณทางยา
1. บำรุงธาตุ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ
ขับลมในลำไส้ทำให้เจริญอาหาร แก้โรคหืด แก้อหิวาตกโรคบำรุงสมอง ช่วยให้สมาธิดี
ต้มกับน้ำใช้ดื่มแก้อาเจียน
ใช้ต้นสดโขลกคั้นเอาน้ำดื่มแก้อาการเมาในกรณีผู้ที่เมามากๆ ช่วยให้สร่างเร็ว
2. ส่วนหัวสามารถใช้แก้โรคเกลื้อน
ท้องอืดท้องเฟ้อ โรคนิ่ว มากไปกว่านั้นยังสามารถทำเป็นยาช่วยนอนหลับ
ช่วยลดความดันสูง น้ำมันตะไคร้หอมใช้ทากันยุงได้ ถ้าปลูกใกล้ผักอื่นๆจะช่วยกันแมลงได้และยังให้กลิ่นหอม
ที่ดับกลิ่นบางชนิดใช้ตะไคร้เป็นส่วนผสมเพราะมีกลิ่นที่หอม
และที่กำจัดยุงบางชนิดก็ใช้ตะไคร้เป็นส่วนผสมด้วยเนื่องจากมีกลิ่นที่แรงจึงช่วยทำให้ไล่ยุงได้
นอกจากนี้ตะไคร้ยังแก้กลิ่นคาวหรือดับกลิ่นคาวของปลา และเนื้อสัตว์ได้ดีมากๆ
ลักษณะโดยทั่วไป
โดยทั่วไปแบ่งตะไคร้ออกเป็น 6 ชนิด ได้แก่
1.
ตะไคร้กอ
2.
ตะไคร้ต้น
3.
ตะไคร้หางนาค
4.
ตะไคร้น้ำ
5.
ตะไคร้หางสิงห์
6.
ตะไคร้หอม
เป็นพืชตระกูลหญ้า
ตะไคร้เป็นพืชที่เจริญเติบโตง่าย อาจมีทรงพุ่มสูงถึง 1 เมตร มีลำต้นที่แท้จริงประมาณ 4-7 เซนติเมตร
ลำของต้นจะถูกห่อหุ้มไปด้วยกาบใบโดยรอบ ใบยาวแคบเส้นใบขนานกับก้านใบ
ใบของตะไคร้อุดมไปด้วยน้ำมันหอมระเหย
ที่นิยมนำมาปลูกเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่ปลูกกันโดยทั่วไป
น้ำตะไคร้ น้ำสมุนไพรอาหารเป็นยา
ลดความดันโลหิต ขับลม เจริญอาหาร
แก้นิ่ว ฯ
อะไร..เอ่ย... “ต้นเท่าครกใบปรกดิน”
มีใครได้ตอบบ้างไหม
ตอนเราเล่นกับเพื่อนสมัยเด็กๆว่า คือ กอตะไคร้
ตะไคร้ สมุนไพรที่มีกลิ่นหอม
เครื่องปรุงต้มยำที่ขาดไม่ได้ของอาหารไทยเรา เช่น ต้มยำ กุ้ง หมู ไก่ ปลา เห็ด ฯลฯ
หรือ ใส่ยำ เครื่องปรุงน้ำพริกแกงต่างๆ มีผู้ผลิตขายแบบง่ายๆโดยนำไปอบหรือตากให้แห้ง
เป็นตะไคร้แห้งเป็นชาตะไคร้ ไว้ชงดื่ม ตะไคร้เป็นสมุนไพร
ที่มีสรรพคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้
ตะไคร้
เยี่ยงเฮื้อ(เหนือ) สิงโต(อีสาน) Lemon Grass เป็นพืชจำพวกหญ้า
ใบ รสหอมปร่า ลดความดันโลหิตสูง แก้ไข้
ต้น รสหอมปร่า ขับลม แก้โรคทางเดินปัสสาวะ แก้นิ่ว
ดับกลิ่นคาว เจริญอาหาร
เหง้า รสหอมปร่า
แก้เบื่ออาหาร บำรุงไฟธาตุ แก้กระษัย ขับลมในลำไส้ แก้ปัสสาวะขัด
แก้ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว
ทั้งต้น รสหอมปร่า
แก้หิด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ ขับเหงื่อ
ตะไคร้ ถ้าเราไม่ทำเครื่องปรุงแกง
ใส่ต้มยำ หรือยำ หากปลูกลงดินไว้ต้นจะแตกกองามขึ้นเรื่อยๆจนใบปรกดิน
ซึ่งเราตัดใบทิ้งได้แล้วก็จะแตกออกมาใหม่ได้อีก
นำมาทำน้ำดื่มบ้างก็ดีมากมีประโยชน์ช่วยเรื่องสุขภาพร่างกายหลายอย่าง น้ำตะไคร้
ใช้ได้ทั้งต้นแล้วแต่ผู้ทำว่าจะใช้ส่วนไหนของตะไคร้มาทำน้ำดื่ม
หากใช้ใบมากน้ำก็จะออกสีเขียว การทำน้ำตะไคร้นำมาฝากนี้จะใช้ส่วนของต้น
ล้างส่วนตะไคร้ให้สะอาดไม่มีดินทรายติดอยู่
ซอยตะไคร้ หรือตัดเป็นทอนสั้นแล้วทุบ
หรือ ตำ ปั่น ได้ทั้งนั้นนะคะ แล้วแต่สะดวก
ถ้าใช้ใบก็ใช้กรรไกรตัดซอยชิ้นเล็กๆได้
ใส่น้ำมากน้อย ดูว่าตะไคร้มากน้อย
ตามความเหมาะสม ต้มน้ำเดือดเบาๆประมาณ 30 นาที
การเพิ่มความหวานด้วยใบหญ้าหวานหรือน้ำตาลกรวดหรือ น้ำตาลทราย
จะเติมลงขณะต้มก็ได้หรือใส่ตอนจะดื่ม (เติมแบบตอนดื่มกาแฟ)
กรองด้วยกระชอน ผ้าขาวบางใช้หลายชั้นน้ำตะไคร้จะใสมาก
แก้วแรกใส่น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี
แก้วที่สองไม่ได้ใส่น้ำตาล
เพิ่มความหวานแล้วแต่ชอบ
น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งใหม่ รสหวานร้อนฝาด บำรุงธาตุ กระทำให้อกใจแห้ง
แก้สะอึก แก้ไข้ตรีโทษ
น้ำผึ้งค้างปี รสหวานฝาดร้อน ฝายธาตุ ทำให้ผอม ขับผายลม
ทำให้เรอ ระบายท้อง
หญ้าหวาน Stevia
เป็นพืชจำพวกหญ้า
ใบ รสหวานกว่าน้ำตาลทราย
250 -300 เท่า
มีสาร
stevioside ซึ่งหวานแต่ไม่ให้พลังงานเหมือนน้ำตาลทราย
ใช้แทนน้ำตาล
ในคนที่เป็นโรคเบาหวาน และไขมันในเลือดสูง ไม่ทำให้อ้วน
น้ำตาลกรวด
รสหวานเย็น แก้ร้อนใน ชูกำลัง แก้คอแห้ง ทำให้เนื้อหนังชุ่มชื้น
น้ำตาลทรายแดง รสหวานเย็น บำรุงกำลัง กระจายคั่งในเลือด
ขอบคุณสรรพคุณ ตะไคร้ น้ำผึ้ง ใบหญ้าหวาน น้ำตาลกรวด
น้ำตาลทราย
จากหนังสือ เภสัชกรรมไทย ฯโดย วุฒิ วุฒิธรรมเวช
ตะไคร้
พืชสมุนไพรสวนครัวที่ปลูกกันไว้ใส่ต้มยำ ยำ เครื่องแกง ฯ ปลูกง่าย
นำมาต้มดื่มเพิ่มความหวานพอประมาณ แช่เย็นชื่นใจ ได้บ่อยๆ
ซึ่งมีผู้ทำน้ำตะไคร้ขายๆดี เป็นน้ำสมุไพรดื่มทีมีกลิ่นหอมธรรมชาติของต้นตะไคร้ไม่ต้องเติมกลิ่นอื่นๆ
ลองต้มตะไคร้ น้ำสมุนไพรอาหารเป็นยาดื่มเพื่อสุขภาพบ้างนะคะ
2.3ว่านหางจระเข้
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe Vera L.
ชื่อพ้อง : Aloe indicia Royal, Aloe barbadensis Mill.
ชื่อสามัญ (Common Name): ว่านไฟไหม้ ว่านหางจระเข้ หางตะเข้ (Aloe, Barbados aloe, Crocodile's tongue, Indian aloe,
Jafferabad, Mediterranean aloe, Star cactus, True aloe)
ชื่อวงศ์ (Family Name): Albacete
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูง 0.5-1 เมตร ข้อและปล้องสั้น
ใบเดี่ยว เรียงรอบต้น กว้าง 5-12 ซม. ยาว 30-80 ซม. อวบน้ำมาก สีเขียวอ่อน
หรือเขียวเข้ม ภายในมีวุ้นใส ใต้ผิวสีเขียวมีน้ำยาง สีเหลือง ใบอ่อนมีสีขาว
ดอกช่อ ออกจากกลางต้น
ดอกย่อยเป็นหลอดห้อยลง สีส้ม บานจากล่างขึ้นบน ผลเป็นผลแห้ง แตกได้
ว่านหางจระเข้ที่ปลูกในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นชนิด Aloe Vera Lin. var.
chine sis (Haw) Berg.
ส่วนที่ใช้ประโยชน์
วุ้นจากใบ ยางสีเหลืองจากใบ
สรรพคุณ
วุ้นจากใบ รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลสด
ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น
การปลูก
ว่านหางจระเข้ปลูกง่าย โดยการใช้หน่ออ่อน
ปลูกได้ดีในบริเวณทะเลที่เป็นดินทราย และมีปุ๋ยอุดมสมบูรณ์ดี
จะปลูกเอาไว้ในกระถางก็ได้ ในแปลงปลูกก็ได้ ปลูกห่างกันสัก 1-2 ศอก เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก
แต่ต้องมีการระบายน้ำดีพอ มิฉะนั้นจะทำให้รากเน่าและตาย ว่านหางจระเข้ชอบแดดเรไร ถ้าถูกแดดจัดใบจะเป็นสีน้ำตาลแดง
ส่วนที่ใช้เป็นยา
วุ้นจากใบ
ว่านหางจระเข้
สมุนไพรสารพัดประโยชน์
สมุนไพรไทย ๆ ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับหางแหลม ๆ ของจระเข้
จนได้ชื่อเรียกที่บ่งบอกถึงลักษณะได้ดีว่า ว่านห่างจระเข้ คืออีกหนึ่งพรรณไม้ไทยที่นิยมปลูกไว้ติดบ้าน
นอกจากจะใช้ประดับตกแต่งเพื่อความสวยงามแล้ว สรรพคุณต่าง ๆ
ของว่านหางจระเข้ยังคุ้มค่าอีกด้วย ส่วนจะมีทีเด็ดขนาดไหนนั้น
เราไปทำความรู้จักกับว่านหางจระเข้ให้มากขึ้นกันดีกว่า ..
ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) คือ พืชชนิดหนึ่งที่ถูกจัดอยู่ในประเภทพืชล้มลุก สีเขียว มีลักษณะลำต้นเป็นข้อปล้อง ใบเดี่ยว ใบหนายาวและโคนใบใหญ่ ปลายแหลม ขอบใบมีหนามห่างกันเป็นระยะ เรียงเป็นชั้น ข้างในใบเป็นวุ้นใสสีเขียวอ่อน มีเมือกเหนียว สามารถออกดอกสีแดงอมเหลืองที่ปลายยอดได้ มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและตอนใต้ของทวีปแอฟริกา สามารถปลูกได้ง่ายในดินทราย หรือในกระถางก็ได้ เป็นพืชชอบน้ำ แต่ต้องมีทางระบายน้ำได้ดี ป้องกันไม่ให้อมน้ำมากเกินไปจนรากเน่า
ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) คือ พืชชนิดหนึ่งที่ถูกจัดอยู่ในประเภทพืชล้มลุก สีเขียว มีลักษณะลำต้นเป็นข้อปล้อง ใบเดี่ยว ใบหนายาวและโคนใบใหญ่ ปลายแหลม ขอบใบมีหนามห่างกันเป็นระยะ เรียงเป็นชั้น ข้างในใบเป็นวุ้นใสสีเขียวอ่อน มีเมือกเหนียว สามารถออกดอกสีแดงอมเหลืองที่ปลายยอดได้ มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและตอนใต้ของทวีปแอฟริกา สามารถปลูกได้ง่ายในดินทราย หรือในกระถางก็ได้ เป็นพืชชอบน้ำ แต่ต้องมีทางระบายน้ำได้ดี ป้องกันไม่ให้อมน้ำมากเกินไปจนรากเน่า
สรรพคุณว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้นั้น จัดเป็นพืชที่มีสรรพคุณต่าง ๆ มากมาย สามารถใช้บรรเทาโรคทั้งภายนอกและภายในร่างกาย อีกทั้งยังใช้บำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย ดังนี้
ประโยชน์ภายนอก
1.รักษาแผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก โดยปอกเปลือกนอก นำวุ้นสดภายในใบไปล้างยางออกให้สะอาด แล้วนำไปประคบแผลตลอด 2 วันแรก จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน สมานแผลให้เร็วขึ้น และไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็นอีกด้วย
2.ป้องกันและบรรเทารอยไหม้จากการออกแดด นำใบสด ๆ ของว่านหางจระเข้ผสมกับโลชั่นทาลงบนผิวหนังก่อนออกแดด จะช่วยป้องกันแสงแดดได้ แต่ถ้าหากเกิดรอยไหม้ขึ้นบนผิวหนังหลังออกแดดแล้ว ให้ใช้วุ้นที่ล้างสะอาดมาทาเพื่อลดอาการอักเสบ ถ้าจะให้ดีลองผสมกับน้ำมันพืช หรือ น้ำมันมะกอก เพื่อลดอาการผิวแห้งตึงจนเกินไป
3.บรรเทารอยไหม้จากการฉายรังสีของผู้ป่วย โดยใช้วิธีการนำวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้างสะอาดมาประคบที่รอยไหม้จากการทำคีโม จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน และทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
4.สมานแผลจากของมีคมและแผลถลอก หากได้รับบาดเจ็บจากของมีคม ใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ที่ยังมีเมือกอยู่ แปะลงไปบนแผล จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสมานแผลให้เร็วขึ้นได้
5.รักษาฝีและโรคริดสีดวงทวาร ทำความสะอาดบริเวณที่เกิดโรคให้แห้งแล้ว นำวุ้นไปแปะลงบนแผล หากเป็นทวารหนักให้ปอกวุ้นให้เป็นแท่งแล้วล้างให้สะอาด นำไปแช่เย็นให้แข็ง เพื่อสอดเหน็บในช่องทวารหนักวันละ 1-2 ครั้ง อาการริดสีดวงจะดีขึ้น
6. รักษาตาปลาและฮ่องกงฟุต นำเนื้อวุ้นที่ล้างทำความสะอาดแล้ว ไปแปะลงบริเวณที่เกิดโรค หมั่นเปลี่ยนเนื้อวุ้นบ่อย ๆ โดยหากเป็นตาปลาส่วนที่แห้งลงจะเกิดรูบุ๋มขึ้น ให้ใช้ว่านหางจระเข้ประคบต่อไปจนกว่ารอยบุ๋มจะสมานและเล็กลง ส่วนฮ่องกงฟุตให้ด้วยว่านหางจระเข้เอาไว้จนกว่าแผลจะแห้งลงและอาการดีขึ้น
7.แก้ปวดศีรษะ ตัดใบสดจากต้นว่านหางจระเข้ แล้วนำปูนแดงทาบริเวณวุ้น ถือใบสดแล้วนำวุ้นผสมปูนแดงประคบบริเวณขมับหรือท้ายทอย ตามจุดที่ปวด จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้
8.บรรเทาอาการปวดฟัน ตัดเนื้อว่านหางจระเข้ออกเป็นแท่งเล็ก ๆ ประมาณ 2-3 เซ็นติเมตร นำไปเหน็บไว้ตามซอกฟันที่มีอาการปวด หรือประคบไว้ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที อาการปวดจะค่อย ๆ บรรเทาลง
ประโยชน์ภายใน
1.บรรเทาอาการปวดข้อ นำวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้างทำความสะอาดแล้วไปแช่ตู้เย็น และรับประทานเพื่อบรรเทาอาการปวดตามข้อต่าง ๆ โดยสามารถใช้ได้ทั้งเนื้อวุ้น และน้ำวุ้น หากอยากให้รับประทานง่ายขึ้น สามารถนำไปปั่นเป็นน้ำว่านหางจระเข้ ก็ช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน
2. ใช้เป็นยาถ่าย โดยเลือกตัดว่านหางจระเข้พันธุ์เฉพาะที่ใบใหญ่และมีน้ำยางสีเหลืองในปริมาณมาก อายุประมาณ 9 เดือนขึ้นไป รองน้ำยางที่ไหลออกมาจากใบ แล้วนำไปเคี่ยวให้ข้น เทลงในพิมพ์ขนาดเล็กให้แข็งเป็นก้อนรับประทานเป็นยาได้ ซึ่งเม็ดยาจะมีสีแดงอมน้ำตาลไปจนถึงดำ เรียกว่า ยาดำ แบ่งรับประทานครั้งละประมาณ 0.25 กรัม (250 มิลลิกรัม) จะเป็นขนาดที่เหมาะสมในการใช้เป็นยาถ่าย หากต้องการรับประทานแบบสด ๆ ก็สามารถทำได้ โดยการตัดวุ้นที่ล้างสะอาดแล้วออกเป็นขนาด 3-4 เซ็นติเมตร แบ่งรับประทานวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
3. แก้กระเพาะอักเสบและลำไส้อักเสบ ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ นำวุ้นที่ได้ไปล้างให้สะอาด แล้วนำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการอักเสบของทางเดินอาหารได้
4. ป้องกันโรคเบาหวาน ตัดเนื้อว่านหางจระเข้ความยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร นำไปรับประทานทุกวัน หรือจะปั่นเป็นน้ำว่านหางจระเข้ เพื่อรับประทานก็ได้ โดยอาการเบาหวานจะทุเลาลงสำหรับผู้ที่เป็นในระยะแรก ส่วนผู้ที่ต้องการรับประทานเพื่อป้องกัน สามารถรับประทานในปริมาณที่น้อยลงได้
5.แก้และป้องกันอาการเมารถเมาเรือ ท่านที่มีปัญหาในการเดินทาง เกิดอาการเมารถเมาเรืออยู่เป็นประจำ ให้ลองรับประทานเนื้อวุ้นจากว่านหางจระเข้ หรือน้ำว่านหางจระเข้ ก่อนออกเดินทางจะช่วยบรรเทาให้เกิดอาการดังกล่าวน้อยลงได้ แต่หากเกิดอาการเมารถเมาเรือขึ้นแล้ว ลองทานน้ำว่านหางจระเข้เย็น ๆ ให้ชื่นใจ แล้วนั่งพักสักครู่ จะรู้สึกดีขึ้น
ว่านหางจระเข้นั้น จัดเป็นพืชที่มีสรรพคุณต่าง ๆ มากมาย สามารถใช้บรรเทาโรคทั้งภายนอกและภายในร่างกาย อีกทั้งยังใช้บำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย ดังนี้
ประโยชน์ภายนอก
1.รักษาแผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก โดยปอกเปลือกนอก นำวุ้นสดภายในใบไปล้างยางออกให้สะอาด แล้วนำไปประคบแผลตลอด 2 วันแรก จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน สมานแผลให้เร็วขึ้น และไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็นอีกด้วย
2.ป้องกันและบรรเทารอยไหม้จากการออกแดด นำใบสด ๆ ของว่านหางจระเข้ผสมกับโลชั่นทาลงบนผิวหนังก่อนออกแดด จะช่วยป้องกันแสงแดดได้ แต่ถ้าหากเกิดรอยไหม้ขึ้นบนผิวหนังหลังออกแดดแล้ว ให้ใช้วุ้นที่ล้างสะอาดมาทาเพื่อลดอาการอักเสบ ถ้าจะให้ดีลองผสมกับน้ำมันพืช หรือ น้ำมันมะกอก เพื่อลดอาการผิวแห้งตึงจนเกินไป
3.บรรเทารอยไหม้จากการฉายรังสีของผู้ป่วย โดยใช้วิธีการนำวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้างสะอาดมาประคบที่รอยไหม้จากการทำคีโม จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน และทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
4.สมานแผลจากของมีคมและแผลถลอก หากได้รับบาดเจ็บจากของมีคม ใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ที่ยังมีเมือกอยู่ แปะลงไปบนแผล จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสมานแผลให้เร็วขึ้นได้
5.รักษาฝีและโรคริดสีดวงทวาร ทำความสะอาดบริเวณที่เกิดโรคให้แห้งแล้ว นำวุ้นไปแปะลงบนแผล หากเป็นทวารหนักให้ปอกวุ้นให้เป็นแท่งแล้วล้างให้สะอาด นำไปแช่เย็นให้แข็ง เพื่อสอดเหน็บในช่องทวารหนักวันละ 1-2 ครั้ง อาการริดสีดวงจะดีขึ้น
6. รักษาตาปลาและฮ่องกงฟุต นำเนื้อวุ้นที่ล้างทำความสะอาดแล้ว ไปแปะลงบริเวณที่เกิดโรค หมั่นเปลี่ยนเนื้อวุ้นบ่อย ๆ โดยหากเป็นตาปลาส่วนที่แห้งลงจะเกิดรูบุ๋มขึ้น ให้ใช้ว่านหางจระเข้ประคบต่อไปจนกว่ารอยบุ๋มจะสมานและเล็กลง ส่วนฮ่องกงฟุตให้ด้วยว่านหางจระเข้เอาไว้จนกว่าแผลจะแห้งลงและอาการดีขึ้น
7.แก้ปวดศีรษะ ตัดใบสดจากต้นว่านหางจระเข้ แล้วนำปูนแดงทาบริเวณวุ้น ถือใบสดแล้วนำวุ้นผสมปูนแดงประคบบริเวณขมับหรือท้ายทอย ตามจุดที่ปวด จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้
8.บรรเทาอาการปวดฟัน ตัดเนื้อว่านหางจระเข้ออกเป็นแท่งเล็ก ๆ ประมาณ 2-3 เซ็นติเมตร นำไปเหน็บไว้ตามซอกฟันที่มีอาการปวด หรือประคบไว้ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที อาการปวดจะค่อย ๆ บรรเทาลง
ประโยชน์ภายใน
1.บรรเทาอาการปวดข้อ นำวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้างทำความสะอาดแล้วไปแช่ตู้เย็น และรับประทานเพื่อบรรเทาอาการปวดตามข้อต่าง ๆ โดยสามารถใช้ได้ทั้งเนื้อวุ้น และน้ำวุ้น หากอยากให้รับประทานง่ายขึ้น สามารถนำไปปั่นเป็นน้ำว่านหางจระเข้ ก็ช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน
2. ใช้เป็นยาถ่าย โดยเลือกตัดว่านหางจระเข้พันธุ์เฉพาะที่ใบใหญ่และมีน้ำยางสีเหลืองในปริมาณมาก อายุประมาณ 9 เดือนขึ้นไป รองน้ำยางที่ไหลออกมาจากใบ แล้วนำไปเคี่ยวให้ข้น เทลงในพิมพ์ขนาดเล็กให้แข็งเป็นก้อนรับประทานเป็นยาได้ ซึ่งเม็ดยาจะมีสีแดงอมน้ำตาลไปจนถึงดำ เรียกว่า ยาดำ แบ่งรับประทานครั้งละประมาณ 0.25 กรัม (250 มิลลิกรัม) จะเป็นขนาดที่เหมาะสมในการใช้เป็นยาถ่าย หากต้องการรับประทานแบบสด ๆ ก็สามารถทำได้ โดยการตัดวุ้นที่ล้างสะอาดแล้วออกเป็นขนาด 3-4 เซ็นติเมตร แบ่งรับประทานวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
3. แก้กระเพาะอักเสบและลำไส้อักเสบ ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ นำวุ้นที่ได้ไปล้างให้สะอาด แล้วนำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการอักเสบของทางเดินอาหารได้
4. ป้องกันโรคเบาหวาน ตัดเนื้อว่านหางจระเข้ความยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร นำไปรับประทานทุกวัน หรือจะปั่นเป็นน้ำว่านหางจระเข้ เพื่อรับประทานก็ได้ โดยอาการเบาหวานจะทุเลาลงสำหรับผู้ที่เป็นในระยะแรก ส่วนผู้ที่ต้องการรับประทานเพื่อป้องกัน สามารถรับประทานในปริมาณที่น้อยลงได้
5.แก้และป้องกันอาการเมารถเมาเรือ ท่านที่มีปัญหาในการเดินทาง เกิดอาการเมารถเมาเรืออยู่เป็นประจำ ให้ลองรับประทานเนื้อวุ้นจากว่านหางจระเข้ หรือน้ำว่านหางจระเข้ ก่อนออกเดินทางจะช่วยบรรเทาให้เกิดอาการดังกล่าวน้อยลงได้ แต่หากเกิดอาการเมารถเมาเรือขึ้นแล้ว ลองทานน้ำว่านหางจระเข้เย็น ๆ ให้ชื่นใจ แล้วนั่งพักสักครู่ จะรู้สึกดีขึ้น
ประโยชน์ด้านความงาม
1.บำรุงเส้นผมให้เงางามและช่วยขจัดรังแค ตัดใบสดมาทาลงบนเส้นผม หรือถ้าไม่สะดวกให้นำวุ้นว่านหางจระเข้ไปปั่นให้ละเอียดจะได้ใช้ง่ายขึ้น จากนั้นนำมาชโลมผมให้ทั่วเพื่อให้ผมสลวยเงางาม หากนวดบริเวณรากผมจะช่วยให้รากผมเย็นลง ช่วยบำรุงหนังศีรษะ รักษาแผลบนศีรษะ และขจัดรังแคได้ด้วย
2.รักษาสิวและรอยด่างดำ ประโยชน์ข้อนี้คนที่อยากหน้าใสตั้งใจอ่านให้ดี เพราะว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการติดเชื้อ และมีกรดอ่อน ๆ ช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ นำเนื้อวุ้นที่ล้างสะอาดทาบริเวณใบหน้าวันละ 2 ครั้ง ใช้เวลาสัก 1-2 เดือน จะเริ่มเห็นผลว่ารอยต่าง ๆ ดูจางลง
3.บำรุงผิวกาย เพียงแค่นำว่านหางจระเข้สด มาปอกเปลือกและล้างให้สะอาด จากนั้นหั่นเป็นชิ้นนำไปใส่ไว้ในถุงผ้ากอซขนาดเล็ก แล้วนำไปหย่อนไว้ในอ่างอาบน้ำ หรือถ้าไม่มีถุงผ้ากอซ ให้นำวุ้นไปแช่ไว้ในอ่างอาบน้ำเลยก็ได้เหมือนกัน โดยระหว่างอาบน้ำให้ใช้เนื้อวุ้นถูกตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เน้นที่รอยแห้งกร้านอย่างข้อศอก หัวเข่า ส้นเท้า เป็นต้น จะช่วยให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม และเต่งตึงขึ้น
4. เติมน้ำให้ผิว ความชุ่มชื้นในผิวหน้าและผิวกาย มักจะค่อย ๆ ลดลงตามวัย และไลฟ์สไตล์ของคุณ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักใช้ชีวิตกันอยู่ในห้องแอร์จนผิวขาดความชุ่มชื้น หากนำเนื้อวุ้นจากว่านหางจระเข้มาพอกหน้าก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยเติมน้ำให้ผิวของคุณได้ โดยล้างวุ้นให้สะอาด แล้วฝานบาง ๆ มาโปะให้ทั่วหน้า หลับตาพริ้มรอสัก 15 นาที ก็ไปล้างหน้าให้สะอาดได้ ผิวของคุณจะรู้สึกชุ่มชื้น เต่งตึงขึ้น หากจะใช้กับผิวกายให้ลองนำเนื้อไปปั่นหยาบ ๆ แล้วนำมาพอกตัว ก็ใช้ง่ายดีเหมือนกัน
สูตรพอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้
นอกจากสรรพคุณทางยาต่าง ๆ แล้ว ว่านหางจระเข้ก็ยังนำไปประยุกต์ใช้เพื่อความสวยความงามได้เช่นกัน สูตรว่านหางจระเข้พอกหน้า จึงขาดไม่ได้สำหรับคนรักสวยรักงาม เตรียมปากกาจดสูตรกันได้เลยจ้า
1.เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้บด 1 ช้อนโต๊ะ, ดินสอพอง 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาว 1 ช้อนชา, น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันแล้วใช้พอกหน้าเพื่อลดความมัน และจุดด่างดำได้
2.เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้บด 1 ช้อนโต๊ะ, ดินสอพอง 1.5 ช้อนโต๊ะ, ไข่ขาว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ ทำให้เกิดสิวลดลง
3.เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้บด 1 ช้อนโต๊ะ, ดินสอพอง 1.5 ช้อนโต๊ะ, น้ำแตงกวาสด 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันนำไปพอกหน้า จะช่วยลดความมันบนใบหน้า และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวหน้าสดชื่นขึ้น
4.เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้บด 1 ช้อนโต๊ะ, ดินสอพอง 1 ช้อนโต๊ะ, นมสด 1.5 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันแล้วนำไปพอกหน้า จะช่วยให้ใบหน้ากระจ่างใสขึ้น และลดความมันบนใบหน้าด้วย
5.เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้ 1 ช้อนโต๊ะ, ขมิ้นผง 2 ช้อนชา, นมสด 1.5 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน แล้วพอกหน้าเพื่อลดความมัน และเพิ่มความกระจ่างใส โดยสามารถฝานแตงกวาเป็นแว่นมาแปะไว้บริเวณรอบดวงตาก็ได้
ผลิตภัณฑ์จากว่านหางจระเข้
เมื่อสรรพคุณของว่านหางจระเข้มีอยู่มากมายรอบด้านขนาดนี้ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกิดจากว่านหางจระเข้ก็ย่อมต้องทยอยออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคมากขึ้น ปัจจุบันจึงมีผลิตภัณฑ์ที่ถูกแปรรูปจากว่านหางจระเข้อยู่หลากหลาย ดังนี้
1.เจลว่านหางจระเข้ สรรพคุณ ใช้ทาเพื่อลดอาการบวม เป็นครีมทาใต้ตา บำรุงผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื้น ใช้ผสมกับส่วนผสมต่าง ๆ พอกหน้าแทนวุ้นว่านหางจระเข้ได้ ทั้งยังใช้ทาแผลพุพอง แผลสด เพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้อีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งผ่านการยิงเลเซอร์ และมีรอยไหม้แดงบนใบหน้า จะทำให้บรรทาอาการลงและฟื้นตัวเร็วขึ้น
2.ครีมว่านหางจระเข้ ก็มีสรรพคุณเดียวกันกับเจลว่านหางจระเข้ แตกต่างกันที่เนื้อผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์เข้มข้นกว่า อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีหน้ามัน เพราะเนื้อครีมจะให้ความรู้สึกหนักกว่าเนื้อเจล แต่ค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่มีหน้าแห้ง เพราะจะให้ความชุ่มชื้นที่มากกว่า
ทั้งนี้นอกจากเจลว่านหางจระเข้และครีมว่านหางจระเข้แบบทั่วไปแล้ว ยังถูกต่อยอดออกไปเป็นเจลล้างหน้าว่านหางจระเข้ เจลและครีมว่านหางจระเข้แบบผสมสารกันแดด นอกจากนี้ยังมีน้ำว่านหางจระเข้สำหรับดื่มอีกด้วย โดยสรรพคุณไม่แตกต่างจากว่านหางจระเข้สดมากนัก
รู้จักสรรพคุณและสูตรต่าง ๆ ของว่านหางจระเข้กันแล้ว คงต้องเตรียมหาว่านสารพัดประโยชน์ชนิดนี้มาปลูกไว้คู่บ้านกันบ้างแล้วล่ะ รับรองได้ว่าคุ้มเกินคุ้มจริง ๆ จ้า
เมื่อสรรพคุณของว่านหางจระเข้มีอยู่มากมายรอบด้านขนาดนี้ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกิดจากว่านหางจระเข้ก็ย่อมต้องทยอยออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคมากขึ้น ปัจจุบันจึงมีผลิตภัณฑ์ที่ถูกแปรรูปจากว่านหางจระเข้อยู่หลากหลาย ดังนี้
1.เจลว่านหางจระเข้ สรรพคุณ ใช้ทาเพื่อลดอาการบวม เป็นครีมทาใต้ตา บำรุงผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื้น ใช้ผสมกับส่วนผสมต่าง ๆ พอกหน้าแทนวุ้นว่านหางจระเข้ได้ ทั้งยังใช้ทาแผลพุพอง แผลสด เพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้อีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งผ่านการยิงเลเซอร์ และมีรอยไหม้แดงบนใบหน้า จะทำให้บรรทาอาการลงและฟื้นตัวเร็วขึ้น
2.ครีมว่านหางจระเข้ ก็มีสรรพคุณเดียวกันกับเจลว่านหางจระเข้ แตกต่างกันที่เนื้อผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์เข้มข้นกว่า อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีหน้ามัน เพราะเนื้อครีมจะให้ความรู้สึกหนักกว่าเนื้อเจล แต่ค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่มีหน้าแห้ง เพราะจะให้ความชุ่มชื้นที่มากกว่า
ทั้งนี้นอกจากเจลว่านหางจระเข้และครีมว่านหางจระเข้แบบทั่วไปแล้ว ยังถูกต่อยอดออกไปเป็นเจลล้างหน้าว่านหางจระเข้ เจลและครีมว่านหางจระเข้แบบผสมสารกันแดด นอกจากนี้ยังมีน้ำว่านหางจระเข้สำหรับดื่มอีกด้วย โดยสรรพคุณไม่แตกต่างจากว่านหางจระเข้สดมากนัก
รู้จักสรรพคุณและสูตรต่าง ๆ ของว่านหางจระเข้กันแล้ว คงต้องเตรียมหาว่านสารพัดประโยชน์ชนิดนี้มาปลูกไว้คู่บ้านกันบ้างแล้วล่ะ รับรองได้ว่าคุ้มเกินคุ้มจริง ๆ จ้า
3.สารที่ใช้ในการทำ
3.1ผงฟู (Sodium bicarbonate)
ผงฟู
มีชื่อเรียกทางเคมีว่าโซเดียมไบคาร์บอเนต หรือ โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate or sodium hydrogen carbonate) เป็นสารประกอบที่มีสูตรทางเคมี NaHCO3 ผงฟูมีลักษณะเป็นของแข็งสีขาว
มีโครงสร้างเป็นผลึก แต่ปรากฎในรูปผงละเอียด มีคุณสมบัติเป็นเบส
ผงฟูมีชื่อทางการค้าที่เรียกกันทั่วไปหลายชื่อด้วยกัน เช่น เบรกิ้งโซดา (baking
sda) เบรดโซดา (bread soda) คุ๊กกิงโซดา (cooking
soda) และ ไบคาร์บอเนตโซดา (bicarbonate of soda)
กระบวนการผลิต
(Production)
NaHCO3 เตรียมได้จากกระบวนการโซลเวย์ (Solvay
process) โดยใช้มีปฏิกิริยาที่เกี่ยวข้องดังนี้
1. ใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำปฏิกิริยากับโซดาไฟ
ได้ผลิตภัณฑ์เป็น โซเดียมคาร์บอเนตและน้ำ
CO2 + 2 NaOH → Na2CO3 + H2O
2. จากนั้นเติมคาร์บอนไดออกไซด์ให้ไปทำปฏิกิริยากับ
โซเดียมคาร์บอเนต ก็จะได้โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต
หรือผงฟูตกตะกอนลงมาเมื่อมีความเข้มข้นมากเพียงพอ
Na2CO3 + CO2 + H2O → 2 NaHCO3
การสลายตัวเมื่อได้รับความร้อน
(Thermal decomposition)
เมื่อผงฟูได้รับความร้อนมากกว่า 70 °C จะค่อยๆ
สลายตัวไปเป็น โซเดียมคาร์บอเนต (Na2CO3) น้ำ
และคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ปฏิกิริยาการสลายตัวนี้จะเกิดขึ้นได้เร็วที่อุณหภูมิ
250 °C
2 NaHCO3 → Na2CO3 + H2O + CO2
หากเผาโซเดียมคาร์บอเนตต่อที่อุณหภูมิ 1000 °C ก็จะได้ผลิตภัณฑ์เป็นโซเดียมออกไซด์ และคาร์บอนไดออกไซด์
Na2CO3 → Na2O + CO2
การนำไปใช้งาน
(Applications)
ที่พบได้ทั่วไปคือ ใช้ในการทำอาหาร ทำเบเกอรี่ ซึ่งผงฟูนี้จะ ใช้เป็นแหล่งให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยการสลายตัว
ในขั้นตอนการอบเบเกอรี่ ทำให้เกิดช่องว่างขึ้นภายใน
ทั้งนี้สามารถผสมผงฟูเป็นส่วนประกอบของเบเกอรี่ชนิดต่างๆ และสามารถทิ้งส่วนผสมนี้ไว้โดยที่ไม่เกิดก๊าซ CO2 ก่อนขั้นตอนการอบได้ นอกจากนั้นยังใช้ปรับสภาพสระว่ายน้ำ หรือตู้ปลาให้มีความเป็นกลาง
เนื่องจากการเติมคลอรีนที่มากเกินไปทำให้สระว่ายน้ำมีความเป็นกรดมากเกินไป
เบคกิ้งโซดา นอกจากสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมของขนม
และอาหารแล้ว ยังสามารถใช้ได้อีกสารพัดเลยค่ะ
วันนี้เราจะมาแนะนำประโยชน์จากเบคกิ้งโซดากันค่ะ ว่าเอาไปทำอะไรได้บ้าง
วันนี้เราจะมาแนะนำประโยชน์จากเบคกิ้งโซดากันค่ะ ว่าเอาไปทำอะไรได้บ้าง
บรรเทาอาการผิวไหม้แดด
ผสมเบคกิ้งโซดาลงในน้ำอุ่นสำหรับอาบ จะช่วยบรรเทาอาการ
ปวดแสบปวดร้อนที่เกิดจากผิวไหม้แดดได้
ผสมเบคกิ้งโซดาลงในน้ำอุ่นสำหรับอาบ จะช่วยบรรเทาอาการ
ปวดแสบปวดร้อนที่เกิดจากผิวไหม้แดดได้
แก้เจ็บคอ
ผสมเบคกิ้งโซดาครึ่งช้อนชาลงในน้ำเปล่า ใช้กลั้วคอทุกๆ 4 ชั่วโมง จะช่วยลดอาการเจ็บคออันเกิดจากกรด รวมทั้งยังช่วยรักษาแผลในช่องปากได้อีกด้วย…
ผสมเบคกิ้งโซดาครึ่งช้อนชาลงในน้ำเปล่า ใช้กลั้วคอทุกๆ 4 ชั่วโมง จะช่วยลดอาการเจ็บคออันเกิดจากกรด รวมทั้งยังช่วยรักษาแผลในช่องปากได้อีกด้วย…
น้ำยาดับกลิ่นปาก
สูตร 1 ผสมเบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ ในน้ำ 1 แก้ว ดับกลิ่นหอมกลิ่นกระเทียมได้ ถ้าใช้เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 1 แก้ว และผสมเกลือ 1 ช้อนโต๊ะใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากได้
สูตร 1 ผสมเบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ ในน้ำ 1 แก้ว ดับกลิ่นหอมกลิ่นกระเทียมได้ ถ้าใช้เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 1 แก้ว และผสมเกลือ 1 ช้อนโต๊ะใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากได้
สูตร 2 ผสมเบคกิ้งโซดา
1 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่น 1 ถ้วย
ใช้บ้วนปากจะช่วยระงับกลิ่นปากได้
ขัดฟันให้ขาว
นำเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชาผสมน้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา ใช้แปรงสีฟันจุ่มแล้วขัดฟันเบาๆ บ้วนน้ำเปล่าจนสะอาด คราบชากาแฟจะหายไป (ห้ามทำเวลาป่วย เพราะมะนาวในกรดสูงอาจทำลายเคลือบฟันได้)
นำเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชาผสมน้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา ใช้แปรงสีฟันจุ่มแล้วขัดฟันเบาๆ บ้วนน้ำเปล่าจนสะอาด คราบชากาแฟจะหายไป (ห้ามทำเวลาป่วย เพราะมะนาวในกรดสูงอาจทำลายเคลือบฟันได้)
ทำสครับขัดหน้าได้ดี
สูตร 1 เอาเบคกิ้งโซดา 3 ส่วน น้ำเปล่า 1 ส่วน ผสมกันให้ได้เปียกๆแล้วขัดหน้าเบาๆหน้าจะสะอาดดีค่ะ
สูตร 1 เอาเบคกิ้งโซดา 3 ส่วน น้ำเปล่า 1 ส่วน ผสมกันให้ได้เปียกๆแล้วขัดหน้าเบาๆหน้าจะสะอาดดีค่ะ
สูตร 2 เอาเบคกิ้งโซดา
2 ชต. ข้าวโอ๊ต 1 ชต. น้ำผึ้ง 1
ชต. น้ำสด 2 ชต. ผสมรวมกันนำมาขัดเบาเบา
แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าเย็นเย็น หน้าใสค่ะ
ใช้ทำสครับขัดผิว
เบคกิ้งโซดาครึ่งถ้วย เกลือครึ่งถ้วย มะนาว 1 ลูก น้ำมันทาผิว 2 ช้อนโต๊ะ เอาผสมกันก่อนจะใช้แล้วก็เอามาขัดผิวระหว่างอาบน้ำค่ะ
เบคกิ้งโซดาครึ่งถ้วย เกลือครึ่งถ้วย มะนาว 1 ลูก น้ำมันทาผิว 2 ช้อนโต๊ะ เอาผสมกันก่อนจะใช้แล้วก็เอามาขัดผิวระหว่างอาบน้ำค่ะ
สปาเท้า
เบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย เกลือทะเล 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอมระเหยกลิ่นมินต์ และน้ำอุ่นใส่ในกะละมังแช่เท้า แช่แล้วสบายเท้าดี จะช่วยฆ่าเชื้อโรค ดับกลิ่นเท้า รวมทั้งความร้อนจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท้าได้อีกด ้วย
เบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย เกลือทะเล 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอมระเหยกลิ่นมินต์ และน้ำอุ่นใส่ในกะละมังแช่เท้า แช่แล้วสบายเท้าดี จะช่วยฆ่าเชื้อโรค ดับกลิ่นเท้า รวมทั้งความร้อนจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท้าได้อีกด ้วย
น้ำยาล้างสารพิษจากผักและผลไม้
นำเบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 10 ลิตร แช่ผักผลไม้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า 2 ครั้ง สามารถลดสารพิษได้ 90%
นำเบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 10 ลิตร แช่ผักผลไม้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า 2 ครั้ง สามารถลดสารพิษได้ 90%
น้ำยาล้างคราบในกาน้ำชาที่เป็นโลหะ
ใส่น้ำลงในกาน้ำชาแล้วเติมเบคกิ้งโซดาลงไป 2 ช้อนโต๊ะ บีบน้ำมะนาวลงไปครึ่งลูก ต้มราวๆ 15 นาที ขัดและล้างจะสะอาดง่าย
ใส่น้ำลงในกาน้ำชาแล้วเติมเบคกิ้งโซดาลงไป 2 ช้อนโต๊ะ บีบน้ำมะนาวลงไปครึ่งลูก ต้มราวๆ 15 นาที ขัดและล้างจะสะอาดง่าย
ครีมลบรอยขูดขีดเครื่องครัว
ละลายเบคกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 1 ลิตร ทำความสะอาดเครื่องครัวที่ทำด้วยฟอร์ไมก้า สเตนเลส พลาสติก โครเมียม (ยกเว้นอะลูมิเนียม) ริ้วรอยจะเลือนหายไป
ละลายเบคกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 1 ลิตร ทำความสะอาดเครื่องครัวที่ทำด้วยฟอร์ไมก้า สเตนเลส พลาสติก โครเมียม (ยกเว้นอะลูมิเนียม) ริ้วรอยจะเลือนหายไป
น้ำยาทำความสะอาดเตาไมโครเวฟ
นำเบคกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 1 ลิตร นำผ้ามาชุบแล้วเช็ดทำความสะอาดภายใน คราบสกปรกจะเช็ดออกง่าย
นำเบคกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 1 ลิตร นำผ้ามาชุบแล้วเช็ดทำความสะอาดภายใน คราบสกปรกจะเช็ดออกง่าย
หมักหมูนุ่ม
ใส่นิดเดียวค่ะ หมักหมูก็จะนุ่ม ถ้าใส่มากเกินจะมีกลิ่นสารเคมี
ใส่นิดเดียวค่ะ หมักหมูก็จะนุ่ม ถ้าใส่มากเกินจะมีกลิ่นสารเคมี
ทำความสะอาดผักผลไม้
ผสมเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่น 4 ถ้วย ใช้ล้างผักผลไม้ โดยแช่ไว้สักครู่ (รอให้ส่วนผสมเย็นก่อน) แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำธรรมดาอีกครั้ง จะช่วยให้ผักผลไม้สะอาดน่ากินมากขึ้น
ผสมเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่น 4 ถ้วย ใช้ล้างผักผลไม้ โดยแช่ไว้สักครู่ (รอให้ส่วนผสมเย็นก่อน) แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำธรรมดาอีกครั้ง จะช่วยให้ผักผลไม้สะอาดน่ากินมากขึ้น
ดับไฟในกระทะ
ในกรณีที่มีน้ำมันกระเด็นติดไฟนิดๆขณะทำอาหาร หรือว่าไฟติดในกระทะ อย่าเทน้ำลงไป เพราะว่าการเทน้ำลงไปบนน้ำมันที่ร้อนๆอยู่จะทำให้ไฟลุกมากขึ้นเนื่องจากน้ำมันกระจาย ให้ใช้เบคกิ้งโซดาค่ะ แห้งๆนั่นแหละ เทลงไปตรงๆเบคกิ้งโซดาพอโดนความร้อนมันจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาช่วยทำให้ไฟลดน้อยลงได้ค่ะ
ในกรณีที่มีน้ำมันกระเด็นติดไฟนิดๆขณะทำอาหาร หรือว่าไฟติดในกระทะ อย่าเทน้ำลงไป เพราะว่าการเทน้ำลงไปบนน้ำมันที่ร้อนๆอยู่จะทำให้ไฟลุกมากขึ้นเนื่องจากน้ำมันกระจาย ให้ใช้เบคกิ้งโซดาค่ะ แห้งๆนั่นแหละ เทลงไปตรงๆเบคกิ้งโซดาพอโดนความร้อนมันจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาช่วยทำให้ไฟลดน้อยลงได้ค่ะ
เค้กกล้วยหอมจะให้ฟูนุ่มน่ากิน
ก็ต้องมีเบคกิ้งโซดาเป็นส่วนผสม
ก็ต้องมีเบคกิ้งโซดาเป็นส่วนผสม
ดับกลิ่นอับในตู้เย็น
เบคกิ้งโซดาจะดูดกลิ่นอับในตู้เย็น หากคุณนำไปใช้ดูดกลิ่นในตู้เย็น ให้เปิดฝากล่องด้านบนออกให้หมด หรือเทใส่ถ้วย ทิ้งไว้ด้านในสุดของตู้แล้คอยเปลี่ยนทุก 3 เดือน
เบคกิ้งโซดาจะดูดกลิ่นอับในตู้เย็น หากคุณนำไปใช้ดูดกลิ่นในตู้เย็น ให้เปิดฝากล่องด้านบนออกให้หมด หรือเทใส่ถ้วย ทิ้งไว้ด้านในสุดของตู้แล้คอยเปลี่ยนทุก 3 เดือน
ขจัดคราบไขมัน ที่ติดรอบท่ออ่างล้างจาน
ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานๆ จะเป็นเหตุให้ท่ออุดตันได้ มีวิธีทำคือ นำเกลือแกงใส่ลงไปในท่อ 2-3 ช้อน จากนั้นนำเบคกิ้งโซดา ไปต้มกับน้ำให้ เดือดแล้วเทลงไปไขมันที่อุดตัน ก็จะหลุดออกไปหมด
ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานๆ จะเป็นเหตุให้ท่ออุดตันได้ มีวิธีทำคือ นำเกลือแกงใส่ลงไปในท่อ 2-3 ช้อน จากนั้นนำเบคกิ้งโซดา ไปต้มกับน้ำให้ เดือดแล้วเทลงไปไขมันที่อุดตัน ก็จะหลุดออกไปหมด
ปัญหาเรื่องท่ออุดตันด้วยคราบไขมันในอ่างล้าง
ให้โรยเกลือรอบๆ ขอบท่อ จากนั้นนำน้ำยาเบคกิ้งโซดา 10 ช้อนโต๊ะผสมน้ำร้อนๆ 1 ขวดลิตร ค่อยๆ เทลงไป เกลือและน้ำยาจะช่วยให้คราบไขมันหลุดออกง่ายขึ้น และทำซ้ำอีก 2-3 รอบ ตามด้วยน้ำเปล่าปิดท้าย หากคราบยังไม่ยอมออกก็คงต้องพึ่งช่างแล้วค่ะ
ให้โรยเกลือรอบๆ ขอบท่อ จากนั้นนำน้ำยาเบคกิ้งโซดา 10 ช้อนโต๊ะผสมน้ำร้อนๆ 1 ขวดลิตร ค่อยๆ เทลงไป เกลือและน้ำยาจะช่วยให้คราบไขมันหลุดออกง่ายขึ้น และทำซ้ำอีก 2-3 รอบ ตามด้วยน้ำเปล่าปิดท้าย หากคราบยังไม่ยอมออกก็คงต้องพึ่งช่างแล้วค่ะ
ทำความสะอาดเขียง
ผสมเบคกิ้งโซดากับน้ำทำความสะอาดเขียง จะช่วยทำให้เขียงหมดกลิ่นคาว
ผสมเบคกิ้งโซดากับน้ำทำความสะอาดเขียง จะช่วยทำให้เขียงหมดกลิ่นคาว
น้ำยาทำความสะอาดเครื่องสุขภัณฑ์
เทเบคกิ้งโซดา 1/2 กล่องลงในถังนำหลังชักโครก ทิ้งไว้ 1 คืนแล้วค่อยกดชักโครก
เทเบคกิ้งโซดา 1/2 กล่องลงในถังนำหลังชักโครก ทิ้งไว้ 1 คืนแล้วค่อยกดชักโครก
ถังและชักโครกสะอาดและปราศจากกลิ่น
ยาดับกลิ่นท่อและแก้ท่อตัน เทเบคกิ้งโซดาลงไปในท่อ 1 ถ้วยก่อนแล้วใส่เกลือแกงลงไป 1/4 ถ้วย ตามด้วยน้ำร้อน ท่อจะไม่ตันและกลิ่นสะอาดอีกด้วย
ยาดับกลิ่นท่อและแก้ท่อตัน เทเบคกิ้งโซดาลงไปในท่อ 1 ถ้วยก่อนแล้วใส่เกลือแกงลงไป 1/4 ถ้วย ตามด้วยน้ำร้อน ท่อจะไม่ตันและกลิ่นสะอาดอีกด้วย
น้ำยาดับกลิ่นพรม
ผสมเบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยกับแป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วย หยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นโปรดลงไป 15 หยด ใส่ขวดสเปรย์ฉีดบนพื้นพรมก่อนนอนทิ้งไว้จนเช้า กลิ่นพรมจะสะอาดสดชื่น
ผสมเบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยกับแป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วย หยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นโปรดลงไป 15 หยด ใส่ขวดสเปรย์ฉีดบนพื้นพรมก่อนนอนทิ้งไว้จนเช้า กลิ่นพรมจะสะอาดสดชื่น
น้ำยาซักผ้าขาวสะอาด
สูตร 1 ใส่ผงเบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วนในเครื่องซักผ้าพร้อมกับน้ำยาซักผ้า จะทำให้ผ้าขาวและสีจะสดขึ้น
โซเดียมไบคาร์บอเนต
สูตร 2 ใช้ตอนซักผ้า ใส่เบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยลงในน้ำสุดท้ายที่กำลังจะล้างฟองออกจะทำให้ผ้ากล ิ่นสะอาดขึ้นค่ะ
สูตร 1 ใส่ผงเบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วนในเครื่องซักผ้าพร้อมกับน้ำยาซักผ้า จะทำให้ผ้าขาวและสีจะสดขึ้น
โซเดียมไบคาร์บอเนต
สูตร 2 ใช้ตอนซักผ้า ใส่เบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยลงในน้ำสุดท้ายที่กำลังจะล้างฟองออกจะทำให้ผ้ากล ิ่นสะอาดขึ้นค่ะ
ดับกลิ่นอับของเสื้อผ้าที่เราสวมใส่
เมื่อจะใช้ให้ผสมเบคกิ้งโซดาครึ่งถ้วย (1 ถ้วย = 16 ช้อนโต๊ะ) กับผงซักฟอกชนิดน้ำปริมาณที่คุณใช้ แทนที่คุณจะใช้สารฟอกขาวชนิดคลอไรด์ถึงถ้วยหนึ่งเต็ม ๆ คุณสามารถใช้เพียงครึ่งหนึ่งเข้าไปแทนที่ได้ แต่ก็อย่าลืมว่าถึงเบคกิ้งโซดาจะใช้ซักเสื้อผ้าได้ แต่มันก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพในการซักเท่ากับผงซักฟอก เบคกิ้งโซดาจึงเป็นเพียงส่วนเสริมให้ผ้าสะอาดมากขึ้น เท่านั้น
เมื่อจะใช้ให้ผสมเบคกิ้งโซดาครึ่งถ้วย (1 ถ้วย = 16 ช้อนโต๊ะ) กับผงซักฟอกชนิดน้ำปริมาณที่คุณใช้ แทนที่คุณจะใช้สารฟอกขาวชนิดคลอไรด์ถึงถ้วยหนึ่งเต็ม ๆ คุณสามารถใช้เพียงครึ่งหนึ่งเข้าไปแทนที่ได้ แต่ก็อย่าลืมว่าถึงเบคกิ้งโซดาจะใช้ซักเสื้อผ้าได้ แต่มันก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพในการซักเท่ากับผงซักฟอก เบคกิ้งโซดาจึงเป็นเพียงส่วนเสริมให้ผ้าสะอาดมากขึ้น เท่านั้น
ใช้ล้างแปรงและหวี
เอาเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา ผสมน้ำอุ่นในชามอ่างเล็กๆ แช่หวีกับแปรงไว้ค่ะ มันจะทำให้พวกคราบต่างๆหลุดออกได้ง่าย
เอาเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา ผสมน้ำอุ่นในชามอ่างเล็กๆ แช่หวีกับแปรงไว้ค่ะ มันจะทำให้พวกคราบต่างๆหลุดออกได้ง่าย
ทำความสะอาดที่ดัดฟัน (Retainers)
2 ช้อนชากับน้ำอุ่น 1 ถ้วย แช่ไว้สักพักแล้วเอาแปรงขัดๆปัดๆคราบออก
2 ช้อนชากับน้ำอุ่น 1 ถ้วย แช่ไว้สักพักแล้วเอาแปรงขัดๆปัดๆคราบออก
ดับกลิ่นแมว
ให้เอาเบคกิ้งโซดาเทลงไปใน Litter box ของแมว ก่อนที่จะใส่ litter หลังจากนั้น ทุกครั้งที่คุณทำความสะอาด litter box พอตักอึแมวไปแล้วก็เอาเบคกิ้งโซดาโรยนิดๆด้านบนเพื่อ เป็นการกลบกลิ่นค่ะ
ให้เอาเบคกิ้งโซดาเทลงไปใน Litter box ของแมว ก่อนที่จะใส่ litter หลังจากนั้น ทุกครั้งที่คุณทำความสะอาด litter box พอตักอึแมวไปแล้วก็เอาเบคกิ้งโซดาโรยนิดๆด้านบนเพื่อ เป็นการกลบกลิ่นค่ะ
พื้นผิวสิ้นคราบสกปรก
สำหรับพื้นผิวแข็งๆ เช่น พื้นครัว พื้นห้องน้ำ อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ ให้ละลายเบคกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 4 ถ้วย เช็ดทำความสะอาด แล้วค่อยล้างออก ในกรณีที่มีคราบสกปรกทำความสะอาดยาก ให้ผสมเบคกิ้งโวดากับน้ำอุ่นในปริมาณที่เท่ากันข้นจน เป็นแป้ง จากนั้นให้พอกทิ้งไว้บริเวณที่มีคราบสกปรก อย่างเช่น บนเคาน์เตอร์ หรือจานกระเบื้องสัก 1 ชั่วโมงแล้วค่อยเช็ดออก
สำหรับพื้นผิวแข็งๆ เช่น พื้นครัว พื้นห้องน้ำ อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ ให้ละลายเบคกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 4 ถ้วย เช็ดทำความสะอาด แล้วค่อยล้างออก ในกรณีที่มีคราบสกปรกทำความสะอาดยาก ให้ผสมเบคกิ้งโวดากับน้ำอุ่นในปริมาณที่เท่ากันข้นจน เป็นแป้ง จากนั้นให้พอกทิ้งไว้บริเวณที่มีคราบสกปรก อย่างเช่น บนเคาน์เตอร์ หรือจานกระเบื้องสัก 1 ชั่วโมงแล้วค่อยเช็ดออก
เช็ดเตารีด
ใช้ผ้าชุบน้ำผสมเบคกิ้งโซดาบิดพอหมาด นำไปเช็ดใต้เตารีด หรือเครื่องครัว ที่ทำด้วยฟอร์เมก้า สแตนเลส โครเมียม จะทำความสะอาดได้หมดจดไม่เกิดรอยขูดขีด
ใช้ผ้าชุบน้ำผสมเบคกิ้งโซดาบิดพอหมาด นำไปเช็ดใต้เตารีด หรือเครื่องครัว ที่ทำด้วยฟอร์เมก้า สแตนเลส โครเมียม จะทำความสะอาดได้หมดจดไม่เกิดรอยขูดขีด
ดับกลิ่นพรม
โรยเบคกิ้งโซดาให้ทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ 15 นาที แล้วดูดออก
โรยเบคกิ้งโซดาให้ทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ 15 นาที แล้วดูดออก
สำหรับพรมที่เปื้อนคราบน้ำมัน
ให้เทน้ำผสมเบคกิ้งโซดาลงตรงบริเวณที่เปื้อนคราบน้ำมัน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง คราบก็จะจางลง จากนั้นให้ใช้น้ำผสมเบคกิ้งโซดาเช็ดทำความสะอาดซ้ำอีกครั้ง
ให้เทน้ำผสมเบคกิ้งโซดาลงตรงบริเวณที่เปื้อนคราบน้ำมัน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง คราบก็จะจางลง จากนั้นให้ใช้น้ำผสมเบคกิ้งโซดาเช็ดทำความสะอาดซ้ำอีกครั้ง
กลิ่นรองเท้า
ปัญหาใหญ่ของใครหลายคนเพราะรองเท้าถูกใช้งานทั้งวัน เก็บหมักหมมเหงื่อไคล
ความอับชื้นง่ายมาก วิธีก็คือ โรยเบคกิ้งโซดาในรองเท้า แล้วนำรองเท้าคู่นั้นใส่ถุงพลาสติกรัดให้แน่น นำไปแช่ช่องแช่แข็งของตู้เย็นไว้ 1 หรือ 2 คืน นำรองเท้าออกมาทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง แล้วเอาไปสลัดผงเบคกิ้งโซดาออกให้หมดแล้วสวมได้เลย แต่หากเรายังไม่สวมทันทีให้ปล่อยผงเบคกิ้งโซดาไว้อย่างนั้นก่อนจนกว่าจะนำมาสวม หรือใช้กระดาษหนังสือพิมพ์อัดเป็นก้อนมาใส่ด้านในรอง เท้า หมึกของกระดาษหนังสือพิมพ์จะช่วยดูดกลิ่น และยังทำให้รองเท้าอยู่ทรงด้วย ทุกครั้งที่กลับบ้านให้ใส่กระดาษหนังสือพิมพ์ทุกครั้ง และเปลี่ยนแผ่นใหม่ทุกอาทิตย์
ปัญหาใหญ่ของใครหลายคนเพราะรองเท้าถูกใช้งานทั้งวัน เก็บหมักหมมเหงื่อไคล
ความอับชื้นง่ายมาก วิธีก็คือ โรยเบคกิ้งโซดาในรองเท้า แล้วนำรองเท้าคู่นั้นใส่ถุงพลาสติกรัดให้แน่น นำไปแช่ช่องแช่แข็งของตู้เย็นไว้ 1 หรือ 2 คืน นำรองเท้าออกมาทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง แล้วเอาไปสลัดผงเบคกิ้งโซดาออกให้หมดแล้วสวมได้เลย แต่หากเรายังไม่สวมทันทีให้ปล่อยผงเบคกิ้งโซดาไว้อย่างนั้นก่อนจนกว่าจะนำมาสวม หรือใช้กระดาษหนังสือพิมพ์อัดเป็นก้อนมาใส่ด้านในรอง เท้า หมึกของกระดาษหนังสือพิมพ์จะช่วยดูดกลิ่น และยังทำให้รองเท้าอยู่ทรงด้วย ทุกครั้งที่กลับบ้านให้ใส่กระดาษหนังสือพิมพ์ทุกครั้ง และเปลี่ยนแผ่นใหม่ทุกอาทิตย์
กลิ่นในรถ หากมีกลิ่นบุหรี่ในรถ
ให้โรยเบคกิ้งโซดาลงที่ก้นที่เขี่ยบุหรี่ในรถเพราะเบคกิ้งโซดาจะช่วยดับกลิ่น แต่ต้องไม่ลืมนำมันออกมาทำความสะอาดด้วยการเทเถ้าทิ้งแล้วโรยผงเบคกิ้งโซดาไว้ที่ถาดเสมอ ๆ
ให้โรยเบคกิ้งโซดาลงที่ก้นที่เขี่ยบุหรี่ในรถเพราะเบคกิ้งโซดาจะช่วยดับกลิ่น แต่ต้องไม่ลืมนำมันออกมาทำความสะอาดด้วยการเทเถ้าทิ้งแล้วโรยผงเบคกิ้งโซดาไว้ที่ถาดเสมอ ๆ
บรรเทาอาการลมพิษได้เช่นกัน
วิธีคือ ใช้ผงเบคกิ้งโซดาผสมกับน้ำ 2-3 หยดพอให้เป็นแป้งเปียก ทาบริเวณผื่นเพื่อลดการระคายเคืองและแก้คัน
วิธีคือ ใช้ผงเบคกิ้งโซดาผสมกับน้ำ 2-3 หยดพอให้เป็นแป้งเปียก ทาบริเวณผื่นเพื่อลดการระคายเคืองและแก้คัน
ฮ่องกงฟุต
อาการคันตามง่ามเท้าเพราะติดเชื้อราหรือที่เราเรียกว่า ฮ่องกงฟุต อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ยารักษาเชื้อราในบ้านบางทีคุณอาจมียารักษาเชื้อราอยู่แล้วคือ เบคกิ้งโซดา สามารถลดอาการคันและแสบร้อนตามง่ามนิ้วเท้า ใช้เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำพอให้เหนียวๆ แล้วนำมาทาที่เท้า จากนั้นล้างเท้าและเช็ดให้แห้ง ปิดท้ายด้วยการทาแป้งข้าวโพดบริเวณที่คัน ยาตำรับต่อไปนี้แม้ว่าจะฟังดูแปลกสักหน่อย แต่ล้วนได้รับคำรับรองจากผู้ที่ทดลองใช้มาแล้วว่าได้ ผลชะงัด ได้แก่ แอลกอฮอล์เช็ดแผล น้ำส้มไซเดอร์หรือน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล (apple cider vinegar) ผงกระเทียม สเปรย์ใส่ผม และน้ำผึ้ง ให้คุณเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง ทาวันละ 3-4 ครั้ง
อาการคันตามง่ามเท้าเพราะติดเชื้อราหรือที่เราเรียกว่า ฮ่องกงฟุต อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ยารักษาเชื้อราในบ้านบางทีคุณอาจมียารักษาเชื้อราอยู่แล้วคือ เบคกิ้งโซดา สามารถลดอาการคันและแสบร้อนตามง่ามนิ้วเท้า ใช้เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำพอให้เหนียวๆ แล้วนำมาทาที่เท้า จากนั้นล้างเท้าและเช็ดให้แห้ง ปิดท้ายด้วยการทาแป้งข้าวโพดบริเวณที่คัน ยาตำรับต่อไปนี้แม้ว่าจะฟังดูแปลกสักหน่อย แต่ล้วนได้รับคำรับรองจากผู้ที่ทดลองใช้มาแล้วว่าได้ ผลชะงัด ได้แก่ แอลกอฮอล์เช็ดแผล น้ำส้มไซเดอร์หรือน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล (apple cider vinegar) ผงกระเทียม สเปรย์ใส่ผม และน้ำผึ้ง ให้คุณเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง ทาวันละ 3-4 ครั้ง
หมายเหตุ :: เบคกิ้งโซดา (Baking Soda) กับ ผงฟู (Baking Powder) ถึงจะมีคุณสมบัติบางอย่างคล้ายกัน
แต่บางทีก็เอามาแทนกันไม่ได้นะคะ ต้องดูอย่างระมัดระวังในการเลือกซื้อเลือกใช้นะคะ
^^
3.2แคลเซียมคาร์บอเนต Calcium Carbonate
สูตรทางเคมีของแคลเซียมคาร์บอเนตคือ CaCO3 มีคุณสมบัติเฉพาะที่ไม่เป็นพิษ
มีความขาว (Whiteness) และความสว่าง (Brightness) สูงจึงนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายเช่น ใช้เป็นตัวเติมเต็ม (Filter) และตัวเพิ่มปริมาณ (Extender) ใน อุสาหกรรมกระดาษ
สีพลาสติก พีวีซี และยาง เช่นยางในและยางนอกรถยนต์
รองเท้าสายพานลำเลียงขนถ่ายสินค้า เป็นต้นใช้เป็นส่วนผสมในยาสีฟัน ผงซักฟอก
ยาและเวชภัณฑ์ต่างๆนอกจากนี้ยังใช้ในการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น
โทรศัพท์สายหุ้มโทรศัพท์ฉนวนหุ้มสายไฟ ปากกา ยางลบ ถุงมือ และแว่นตา เป็นต้น
กรรมวิธีการผลิตแคลเซียมคาร์บอเนต
การผลิตแคลเซียมคาร์บอเนตมี2วิธีคือ
1.แคลเซียมคาร์บอเนตชนิดบดจากธรรมชาติ(Ground Calcium Carbonate: GCC) เป็นการนำแคลเซียมคาร์บอเนตจากธรรมชาติมาบด เช่นหินปูน (Limestone) ที่มีความขาวและความบริสุทธิ์สูง หินอ่อน
(Marble) ที่เกิดจากหินปูนแปรสภาพด้วยความร้อนและความดันทำให้ตกผลึกใหม่ชอล์ก
(Chalk) ซึ่งเป็นหินปูนเนื้อร่วนละเอียดและแร่แคลไซต์ (Calcite) เป็นต้น การลดขนาดแร่ (Size Reduction) และการคัดขนาด
(Classification) ถือเป็นขั้นตอนสำคัญของการแต่งแร่ในการผลิตแคลเซียมคาร์บอเนตเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดอนุภาคต่างๆตามที่ตลาดต้องการ
ผลิตภัณฑ์แคลเซียมคาร์บอเนตชนิดบดจากธรรมชาติ(GCC) แบ่งประเภทได้ดังนี้
1.1ผลิตภัณฑ์แบบ Dry Product เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการบดแคลเซียมคาร์บอเนตจากธรรมชาติโดยตรงมีลักษณะเป็นผงสีขาวขนาด
1-147 ไมครอนใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษ สี พลาสติก ยาสีฟัน ผงซักฟอก
รวมทั้งการผลิตปุ๋ยและอาหารสัตว์
1.2
ผลิตภัณฑ์แบบ Coated Product เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำผลิตภัณฑ์แบบ DryProduct ขนาดอนุภาค1-15
ไมครอนมาเคลือบผิวอนุภาคเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติบางอย่างให้ดีขึ้น เช่นผิวอนุภาคเปียกได้ง่ายขึ้นอนุภาคแพร่กระจายดีขึ้นดูดซึมน้ำมันลดลงนิยมใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก
พีวีซี และยาง
1.3ผลิตภัณฑ์แบบ Calcium Carbonate Compound เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผสมกันอยู่ในรูปของแข็งระหว่างอนุภาคแคลเซียมคาร์บอเนตบดจากธรรมชาติ
(GCC) ขนาด 20-45ไมครอน ร้อยละ 75-80กับเม็ดพลาสติกร้อยละ20-25ผลิตภัณฑ์มีลักษณะทรงกลมขนาดประมาณ2-3มิลลิเมตรใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติกขึ้นรูปต่างๆ
เช่น ถุงปุ๋ยกระสอบพลาสติกถุงพลาสติกใส่ของฉนวนหุ้มสายไฟ ภาชนะ และท่อต่างๆ
1.4ผลิตภัณฑ์แบบ Slurry Product เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำผลิตภัณฑ์แบบ Dry
Product ขนาดอนุภาค1-20 ไมครอนเข้าสู่กระบวนการลอยแร่ (Flotation) เพื่อแยกมลทินต่างๆออกไป
ได้แก่ซิลิกาและเหล็กอ๊อกไซต์ทำให้สัดส่วนแคลเซียมคาร์บอเนตเพิ่มขึ้นหลังจากนั้นจึงนำไปบดแบบเปียกเพื่อประหยัดพลังงานซึ่งสามารถบดได้ละเอียดถึง
0.3ไมครอนและได้ผลิตภัณฑ์ในรูป Slurry นิยมใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษ
2.แคลเซียมคาร์บอเนตชนิดตกผลึก
(Precipitated Calcium Carbonate: PCC) เป็นการนำแคลเซียมคาร์บอเนตบดจากธรรมชาติ (GCC)
มาทำการตกผลึกใหม่ให้ได้แคลเซียมคาร์บอเนตบริสุทธิ์ที่มีคุณภาพสูงมีลักษณะเป็นผงขนาดเล็กขนาด 0.3-1ไมครอนที่เกิดจากการตกผลึกรูปร่างของผลึกอาจแตกต่างกันตามวิธีการผลิตแต่ส่วนใหญ่จะเป็นรูปเข็มหรือ Rhomboidsผงแคลเซียมคาร์บอเนตมีสีขาวไม่มีกลิ่น ไม่มีรส
เสถียรในอากาศและไม่ละลายน้ำนิยมใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษเป็นส่วนใหญ่
3.3กลีเซอรีน
กลีเซอรีน เป็นของเหลวที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีความหนืด และมีรสหวาน
โดยปกติมาจากน้ำมันของพืช ซึ่งโดยทั่วไปคือ น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์ม
กลีเซอรีนสามารถละลายได้ดีในแอลกอฮอล์และน้ำ แต่ไม่ละลายในไขมัน
เนื่องจากกลีเซอรีนมีคุณสมบัติทางเคมีที่หลากหลายจึงสามารถนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารเคมีอื่นๆได้
ด้วยคุณสมบัติที่สามารถละลายในแอลกอฮอล์และน้ำได้นี่เอง จึงนำไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง ซึ่งกลีเซอรีนบริสุทธิ์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายรูปแบบ เช่น ใช้เป็นส่วนผสมหรือเป็นตัวช่วยในกระบวนการผลิตเครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำและสุขอนามัยส่วนบุคคล อาหาร ยาสีฟัน ยาสระผม และนิยมใช้มาหในอุตสาหกรรมสบู่ เพราะกลีเซอรีนเป็นส่วนช่วยหล่อลื่นเหมือนมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพื่อปกป้องผิวไม่ให้แห้งและดูดซับความชื้นเมื่อสัมผัสกับอากาศซึ่งจะทำให้รู้สึกว่าผิวมีความชุ่มชื้น อ่อนโยนต่อผิว ขจัดความสกปรกที่ฝังแน่น ไม่ทำให้อุดตันรูขุมขน รวมทั้งปลอดภัยต่อผิวหนัง
การที่กลีเซอรีนเป็นสารที่ไม่มีพิษในทุกๆรูปแบบของการประยุกต์ใช้ ไม่ว่าจะใช้เป็นสารตั้งต้นหรือสารเติมแต่ง ทำให้กลีเซอรีนเป็นสารเคมีที่ได้รับความสนใจและนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ด้วยการทำยาเหน็บทวาร ใช้เป็นยาระบาย และยังสามารถใช้เป็ฯยาเฉพาะที่สำหรับปัญหาทางผิวหนังหลายชนิด รวมถึง โรงผิวหนัง ผื่น แผลไฟลวก แผลกดทับ และบาดแผลจากของมีคม กลีเซอรีนถูกใช้เพื่อรักษาโรคเหงือกได้ด้วย เนื่องจากกลีเซอรีนสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องได้
ด้วยคุณสมบัติที่สามารถละลายในแอลกอฮอล์และน้ำได้นี่เอง จึงนำไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง ซึ่งกลีเซอรีนบริสุทธิ์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายรูปแบบ เช่น ใช้เป็นส่วนผสมหรือเป็นตัวช่วยในกระบวนการผลิตเครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำและสุขอนามัยส่วนบุคคล อาหาร ยาสีฟัน ยาสระผม และนิยมใช้มาหในอุตสาหกรรมสบู่ เพราะกลีเซอรีนเป็นส่วนช่วยหล่อลื่นเหมือนมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพื่อปกป้องผิวไม่ให้แห้งและดูดซับความชื้นเมื่อสัมผัสกับอากาศซึ่งจะทำให้รู้สึกว่าผิวมีความชุ่มชื้น อ่อนโยนต่อผิว ขจัดความสกปรกที่ฝังแน่น ไม่ทำให้อุดตันรูขุมขน รวมทั้งปลอดภัยต่อผิวหนัง
การที่กลีเซอรีนเป็นสารที่ไม่มีพิษในทุกๆรูปแบบของการประยุกต์ใช้ ไม่ว่าจะใช้เป็นสารตั้งต้นหรือสารเติมแต่ง ทำให้กลีเซอรีนเป็นสารเคมีที่ได้รับความสนใจและนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ด้วยการทำยาเหน็บทวาร ใช้เป็นยาระบาย และยังสามารถใช้เป็ฯยาเฉพาะที่สำหรับปัญหาทางผิวหนังหลายชนิด รวมถึง โรงผิวหนัง ผื่น แผลไฟลวก แผลกดทับ และบาดแผลจากของมีคม กลีเซอรีนถูกใช้เพื่อรักษาโรคเหงือกได้ด้วย เนื่องจากกลีเซอรีนสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องได้
กลีเซอรีน (glycerin) อาจจะเรียกได้หลายชื่อ เช่น glycerol,
glycerin, หรือ 1,2,3-propanetriol สามารถเขียนสูตรโมเลกุลทางเคมีได้เป็น
CH 2 OHCHOHCH 2 OH เป็นสารไม่มีกลิ่น(odorless) ไม่มีสี(colorless) รสหวาน(sweet-tasting) เหมือนน้ำเชื่อม(syrupy liquid) . กลีเซอรีน (Glycerin) เป็น trihydric alcohol. หลอมเหลวที่ 17.8?
C เดือดและสลายตัว( Boil & decomposition) ที่ 290?C, ละลายในน้ำและ เอทานอล
ดูดกลืนน้ำจากอากาศ จึงนำไปทำเป็น moistener ในเครื่องสำอาง
กลีเซอรีน จะอยู่ในรูปแบบของ (glycerides) ในไขและน้ำมันพืชและน้ำมันสัตว์
กลีเซอรีน สามารถสังเคราะห์ได้จาก Propylene และจากการหมักน้ำตาลด้วยsodium bisulfate และยีสต์(yeast) และมีการผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากกระบวนการผลิตไบโอดีเซล
กลีเซอรีน ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางเป็น สารละลาย(solvent) สารเพิ่มความหวาน(sweetener) เครื่องสำอาง(cosmetics and personal care products) สบู่เหลว(liquid soaps) ลูกอม(candy) สุรา(liqueurs) หมึก(inks) และสารหล่อลื่น(lubricants) เพื่อให้ยืดหยุ่น(pliable) สารป้องกันการแข็งตัว (antifreeze mixtures) เป็นส่วนผสมอาหาร(Food and beverage ingredients ) อาหารสัตว์(Animal feed ) สารปฏิชีวนะ(Antibiotics) ยา (Pharmaceuticals) สารให้ความชุ่มชื้น(moisturizers) น้ำมันไฮดรอลิกส์(Hydraulic fluids) และสารตั้งต้นทางปีโตรเคมีต่างๆ(Polyether polyols, propylene glycol, epichlorohydrin และอื่นๆ)
กลีเซอรีน สามารถสังเคราะห์ได้จาก Propylene และจากการหมักน้ำตาลด้วยsodium bisulfate และยีสต์(yeast) และมีการผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากกระบวนการผลิตไบโอดีเซล
กลีเซอรีน ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางเป็น สารละลาย(solvent) สารเพิ่มความหวาน(sweetener) เครื่องสำอาง(cosmetics and personal care products) สบู่เหลว(liquid soaps) ลูกอม(candy) สุรา(liqueurs) หมึก(inks) และสารหล่อลื่น(lubricants) เพื่อให้ยืดหยุ่น(pliable) สารป้องกันการแข็งตัว (antifreeze mixtures) เป็นส่วนผสมอาหาร(Food and beverage ingredients ) อาหารสัตว์(Animal feed ) สารปฏิชีวนะ(Antibiotics) ยา (Pharmaceuticals) สารให้ความชุ่มชื้น(moisturizers) น้ำมันไฮดรอลิกส์(Hydraulic fluids) และสารตั้งต้นทางปีโตรเคมีต่างๆ(Polyether polyols, propylene glycol, epichlorohydrin และอื่นๆ)
หลายท่านสงสัยว่า กลีเซอรีนเหลว
กลีเซอรีนบริสุทธิ์ 99.5% หรือ Refined
Glycerine 99.5% กลีเซอรีนบริสุทธิ์ มีลักษณะเป็นของเหลวใส รสหวาน กลีเซอรีน ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางเป็น สารละลาย(solvent) สารเพิ่มความหวาน(sweetener) เครื่องสำอาง(cosmetics
and personal care products) สบู่เหลว(liquid soaps) ลูกอม(candy) สุรา(liqueurs) หมึก(inks)
และสารหล่อลื่น(lubricants) เพื่อให้ยืดหยุ่น(pliable)
สารป้องกันการแข็งตัว (antifreeze mixtures) เป็นส่วนผสมอาหาร(Food
and beverage ingredients ) อาหารสัตว์(Animal feed ) สารปฏิชีวนะ(Antibiotics) ยา (Pharmaceuticals)
สารให้ความชุ่มชื้น(moisturizers) น้ำมันไฮดรอลิกส์(Hydraulic
fluids) และสารตั้งต้นทางปีโตรเคมีต่างๆ(Polyether polyols,
propylene glycol, epichlorohydrin และอื่นๆ)
เบสสบู่กลีเซอรีน ใช้สำหรับทำสบู่กลีเซอรีน
มีทั้งสีใสและสีขาว มีคุณสมบัติเหมือนกัน
เบสสบู่กลีเซอรีนของเรา
มีข้อกำหนดที่ให้ท่านสามารถเติมสารต่าง ๆ ลงในเบสสบู่กลีเซอรีนได้ปริมาณที่กำหนดไว้
ถ้าท่านเติมมากกว่าข้อกำหนดไว้จะทำให้สบู่ที่ท่านผลิตออกมาเสียหายได้
1. ไม่ควรเติมกลีเซอรีนเข้าไปเพิ่มในเบสสบู่กลีเซอรีนอีก
เพราะจะทำให้สบู่ขึ้นเหงื่อได้
2. การหลอมสบู่ให้ใช้วิธีการตุ๋น หรือใช้หม้อสองชั้นเท่านั้น ห้ามใช้วิธีต้มโดยตรงกับไฟ เพราะจะทำให้สบู่เหลือง
3. ใส่น้ำมัน และสารสกัดที่มีส่วนผสมของน้ำมันได้ไม่เกิน 2% เพราะจะทำให้สบู่นิ่มขึ้น (แต่เหมาะสำหรับการปั้นสบู่ให้เป็นรูปทรงตามความชอบใจ)
4. ใส่น้ำ และสารสกัดที่มีส่วนผสมของน้ำได้ไม่เกิน 10% การใส่น้ำเพิ่มเกินกว่า 5% จะทำให้เวลาในการแข็งตัวนานขึ้น
5. กรด AHA ใส่ได้ไม่เกิน 0.1% เพราะจะทำให้สบู่นิ่ม และแข็งตัวช้า
6. น้ำหมัก ใส่ได้ไม่เกิน 5% เนื่องจากน้ำหมักในแต่ละแหล่งผลิต จะมีปริมาณกรดที่เกิดจากการหมักแตกต่างกัน ให้ทดลองใส่ในปริมาณที่แจ้งไว้ และถ้าสบู่นิ่มเกินไป ก็ลดปริมาณการเติมน้ำหมักลง
7. การหลอมสบู่นานเกิน ครึ่งชั่วโมง ให้เติมน้ำลงไป 3% เพื่อลดการเกิดเหงื่อ เนื่องจากน้ำระเหยออกไปจากระบบ
8. ควรทดลองทำในปริมาณที่น้อยก่อน ไม่ควรเติมแต่งสารใดๆทั้งสิ้น นอกจากสีและกลิ่น เพราะทำได้เป็นก้อนแล้ว ครั้งต่อไปจึงเพิ่มสารเติมแต่งตามใจชอบ ท่านก็จะประสบความสำเร็จในการผลิตสบู่กลีเซอรีนตามความปรารถนาทุกประการ
2. การหลอมสบู่ให้ใช้วิธีการตุ๋น หรือใช้หม้อสองชั้นเท่านั้น ห้ามใช้วิธีต้มโดยตรงกับไฟ เพราะจะทำให้สบู่เหลือง
3. ใส่น้ำมัน และสารสกัดที่มีส่วนผสมของน้ำมันได้ไม่เกิน 2% เพราะจะทำให้สบู่นิ่มขึ้น (แต่เหมาะสำหรับการปั้นสบู่ให้เป็นรูปทรงตามความชอบใจ)
4. ใส่น้ำ และสารสกัดที่มีส่วนผสมของน้ำได้ไม่เกิน 10% การใส่น้ำเพิ่มเกินกว่า 5% จะทำให้เวลาในการแข็งตัวนานขึ้น
5. กรด AHA ใส่ได้ไม่เกิน 0.1% เพราะจะทำให้สบู่นิ่ม และแข็งตัวช้า
6. น้ำหมัก ใส่ได้ไม่เกิน 5% เนื่องจากน้ำหมักในแต่ละแหล่งผลิต จะมีปริมาณกรดที่เกิดจากการหมักแตกต่างกัน ให้ทดลองใส่ในปริมาณที่แจ้งไว้ และถ้าสบู่นิ่มเกินไป ก็ลดปริมาณการเติมน้ำหมักลง
7. การหลอมสบู่นานเกิน ครึ่งชั่วโมง ให้เติมน้ำลงไป 3% เพื่อลดการเกิดเหงื่อ เนื่องจากน้ำระเหยออกไปจากระบบ
8. ควรทดลองทำในปริมาณที่น้อยก่อน ไม่ควรเติมแต่งสารใดๆทั้งสิ้น นอกจากสีและกลิ่น เพราะทำได้เป็นก้อนแล้ว ครั้งต่อไปจึงเพิ่มสารเติมแต่งตามใจชอบ ท่านก็จะประสบความสำเร็จในการผลิตสบู่กลีเซอรีนตามความปรารถนาทุกประการ
การที่เราจะใช้เบสสบู่กลีเซอรีน มาใช้ในการผลิตเป็นสบู่ก้อน สบู่สมุนไพร สบู่แฟนตาซี สบู่ปั้นรูปสวยงาม หรือสบู่แกะสลักงานฝีมือต่าง ๆ ควรตรวจสอบคุณภาพเบื้องต้นดังนี้
1. การตรวจสอบสี ความใส และ ความขาว
- เบสสบู่กลีเซอรีนใส ใช้วิธีการตรวจสอบดังนี้ ตัดสบู่ให้มีความหนาประมาณ 1/4 นิ้ว แล้วนำไปวางทาบขนตัวอักษรหนาขนาด 1.4 point คนสายตาปกติ สามารถมองผ่านอ่านข้อความด้านหลังเบสสบู่กลีเซอรีนได้ชัดเจน ถือว่าเป็นเบสสบู่กลีเซอรีนที่มีคุณสมบัติด้านความใสผ่านการทดสอบ
- เบสสบู่กลีเซอรีนแบบขุ่น หรือแบบขาว สามารถตรวจสอบความทึบแสงได้โดยที่แสงไม่สามารถส่องผ่านไปได้ และความขาวของเบสสบู่จะต้องไม่มีสีน้ำตาลปนมาด้วย วิธีทดสอบ นำกระดาษขาว A4 มาวางแเทียบกับเบสสบู่กลีเซอรีนขาวจะมีสีขาวเหมือนกันเลย ถ้าเหมือนกันถือว่าคุณสมบัติข้อนี้ผ่าน
2. ค่าของความเป็นกรด-ด่าง หรือเรียกว่าค่า pH ตามมาตรฐาน อ.ย. ให้ค่า pH อยู่ระหว่าง 8-10 สำหรับสบู่สำเร็จรูป ในสารละลายเบสสบู่เข้มข้น 1% ซึ่งเบสสบู่กลีเซอรีนของเราอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานกำหนด
3. การเกิดฟอง เมื่อล้างมือให้สะอาดแล้ว นำเบสสบู่ขนาด 2 ตารางนิ้ว ฟอกมือนาน 30 วินาที เบสสบู่กลีเซอรีนจะต้องมีฟองพอประมาณ
4. การเกิดเหงื่อ (Sweat) เมื่อวางชิ้นเบสสบู่ในห้องที่มีความชื้นสัมพัทธ์ไม่ต่ำกว่า 70% ที่อุณหภูมิปกติ เป็นเวลา 24 ชั่วโมงเบสสบู่กลีเซอรีนจะต้องไม่มีเหงื่อขึ้น
เบสสบู่กลีเซอรีนของเรา
มีข้อกำหนดที่ให้ท่านสามารถเติมสารต่าง ๆ
ลงในเบสสบู่กลีเซอรีนได้ปริมาณที่กำหนดไว้ ถ้าท่านเติมมากกว่าข้อกำหนดไว้จะทำให้สบู่ที่ท่านผลิตออกมาเสียหายได้
1. ไม่ควรเติมกลีเซอรีนเข้าไปเพิ่มในเบสสบู่กลีเซอรีนอีก
เพราะจะทำให้สบู่ขึ้นเหงื่อได้
2. การหลอมสบู่ให้ใช้วิธีการตุ๋น หรือใช้หม้อสองชั้นเท่านั้น ห้ามใช้วิธีต้มโดยตรงกับไฟ เพราะจะทำให้สบู่เหลือง
3. ใส่น้ำมัน และสารสกัดที่มีส่วนผสมของน้ำมันได้ไม่เกิน 2% เพราะจะทำให้สบู่นิ่มขึ้น (แต่เหมาะสำหรับการปั้นสบู่ให้เป็นรูปทรงตามความชอบใจ)
4. ใส่น้ำ และสารสกัดที่มีส่วนผสมของน้ำได้ไม่เกิน 10% การใส่น้ำเพิ่มเกินกว่า 5% จะทำให้เวลาในการแข็งตัวนานขึ้น
5. กรด AHA ใส่ได้ไม่เกิน 0.1% เพราะจะทำให้สบู่นิ่ม และแข็งตัวช้า
6. น้ำหมัก ใส่ได้ไม่เกิน 5% เนื่องจากน้ำหมักในแต่ละแหล่งผลิต จะมีปริมาณกรดที่เกิดจากการหมักแตกต่างกัน ให้ทดลองใส่ในปริมาณที่แจ้งไว้ และถ้าสบู่นิ่มเกินไป ก็ลดปริมาณการเติมน้ำหมักลง
7. การหลอมสบู่นานเกิน ครึ่งชั่วโมง ให้เติมน้ำลงไป 3% เพื่อลดการเกิดเหงื่อ เนื่องจากน้ำระเหยออกไปจากระบบ
8. ควรทดลองทำในปริมาณที่น้อยก่อน ไม่ควรเติมแต่งสารใดๆทั้งสิ้น นอกจากสีและกลิ่น เพราะทำได้เป็นก้อนแล้ว ครั้งต่อไปจึงเพิ่มสารเติมแต่งตามใจชอบ ท่านก็จะประสบความสำเร็จในการผลิตสบู่กลีเซอรีนตามความปรารถนาทุกประการ
2. การหลอมสบู่ให้ใช้วิธีการตุ๋น หรือใช้หม้อสองชั้นเท่านั้น ห้ามใช้วิธีต้มโดยตรงกับไฟ เพราะจะทำให้สบู่เหลือง
3. ใส่น้ำมัน และสารสกัดที่มีส่วนผสมของน้ำมันได้ไม่เกิน 2% เพราะจะทำให้สบู่นิ่มขึ้น (แต่เหมาะสำหรับการปั้นสบู่ให้เป็นรูปทรงตามความชอบใจ)
4. ใส่น้ำ และสารสกัดที่มีส่วนผสมของน้ำได้ไม่เกิน 10% การใส่น้ำเพิ่มเกินกว่า 5% จะทำให้เวลาในการแข็งตัวนานขึ้น
5. กรด AHA ใส่ได้ไม่เกิน 0.1% เพราะจะทำให้สบู่นิ่ม และแข็งตัวช้า
6. น้ำหมัก ใส่ได้ไม่เกิน 5% เนื่องจากน้ำหมักในแต่ละแหล่งผลิต จะมีปริมาณกรดที่เกิดจากการหมักแตกต่างกัน ให้ทดลองใส่ในปริมาณที่แจ้งไว้ และถ้าสบู่นิ่มเกินไป ก็ลดปริมาณการเติมน้ำหมักลง
7. การหลอมสบู่นานเกิน ครึ่งชั่วโมง ให้เติมน้ำลงไป 3% เพื่อลดการเกิดเหงื่อ เนื่องจากน้ำระเหยออกไปจากระบบ
8. ควรทดลองทำในปริมาณที่น้อยก่อน ไม่ควรเติมแต่งสารใดๆทั้งสิ้น นอกจากสีและกลิ่น เพราะทำได้เป็นก้อนแล้ว ครั้งต่อไปจึงเพิ่มสารเติมแต่งตามใจชอบ ท่านก็จะประสบความสำเร็จในการผลิตสบู่กลีเซอรีนตามความปรารถนาทุกประการ
REFINED GLYCERINE
Refined Glycerine is an important ingredient in
production of food, pharmaceutical and health care products. Pure glycerine is
colourless, odourless, viscous, nontoxic liquid with a very sweet taste.
Glycerine Refined has many applications such as ingredient or processing aid in
cosmetics, toiletries, personal care, drugs and food products, etc. The
physical properties of Glycerine can be used as humectants, plasticizer,
emollient, thickener, solvent, dispersing medium, lubricant, sweetener,
antifreeze and non-toxicity.
กลีเซอรีน (GLYCERINE)
กลีเซอรีน (glycerine) อาจจะเรียกได้หลายชื่อ เช่น glycerol,
glycerin, หรือ 1,2,3-propanetriol สามารถเขียนสูตรโมเลกุลทางเคมีได้เป็น
CH 2 OHCHOHCH 2 OH เป็นสารไม่มีกลิ่น(odorless) ไม่มีสี(colorless) รสหวาน(sweet-tasting) เหมือนน้ำเชื่อม(syrupy liquid) . กลีเซอรีน (glycerine)
เป็น trihydric alcohol . หลอมเหลวที่ 17.8?C
เดือดและสลายตัว( Boil & decomposition) ที่
290?C, ละลายในน้ำและ เอทานอล ดูดกลืนน้ำจากอากาศ
จึงนำไปทำเป็น moistener ในเครื่องสำอาง กลีเซอรีน
จะอยู่นรูปแบบของ (glycerides) ในไขและน้ำมันพืชและน้ำมันสัตว์
กลีเซอรีน สามารถสังเคราะห์ได้จาก Propylene และจากการหมักน้ำตาลด้วยsodium bisulfite และยีสต์(yeast) และมีการผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากกระบวนการผลิตไบโอดีเซล
กลีเซอรีน ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางเป็น สารละลาย(solvent) สารเพิ่มความหวาน(sweetener) เครื่องสำอาง(cosmetics and personal care products) สบู่เหลว(liquid soaps) ลูกอม(candy) สุรา(liqueurs) หมึก(inks) และสารหล่อลื่น(lubricants) เพื่อให้ยืดหยุ่น(pliable) สารป้องกันการแข็งตัว (antifreeze mixtures) เป็นส่วนผสมอาหาร(Food and beverage ingredients ) อาหารสัตว์(Animal feed ) สารปฏิชีวนะ(Antibiotics) ยา (Pharmaceuticals) สารให้ความชุ่มชื้น(moisturizers) น้ำมันไฮดรอลิกส์(Hydraulic fluids) และสารตั้งต้นทางปีโตรเคมีต่างๆ(Polyether polyols, propylene glycol, epichlorohydrin และอื่นๆ)
กลีเซอรีน สามารถสังเคราะห์ได้จาก Propylene และจากการหมักน้ำตาลด้วยsodium bisulfite และยีสต์(yeast) และมีการผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากกระบวนการผลิตไบโอดีเซล
กลีเซอรีน ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางเป็น สารละลาย(solvent) สารเพิ่มความหวาน(sweetener) เครื่องสำอาง(cosmetics and personal care products) สบู่เหลว(liquid soaps) ลูกอม(candy) สุรา(liqueurs) หมึก(inks) และสารหล่อลื่น(lubricants) เพื่อให้ยืดหยุ่น(pliable) สารป้องกันการแข็งตัว (antifreeze mixtures) เป็นส่วนผสมอาหาร(Food and beverage ingredients ) อาหารสัตว์(Animal feed ) สารปฏิชีวนะ(Antibiotics) ยา (Pharmaceuticals) สารให้ความชุ่มชื้น(moisturizers) น้ำมันไฮดรอลิกส์(Hydraulic fluids) และสารตั้งต้นทางปีโตรเคมีต่างๆ(Polyether polyols, propylene glycol, epichlorohydrin และอื่นๆ)
ชื่อทางเคมีกลีเซอรีนบริสุทธิ์ 99.5% (USP Grade)
ชื่ออื่น :
- Glycerin
- Glycerol
- 1,2,3-propanetriol Trihydroxypropane
กลุ่มหน้าที่ :
- ทำละลาย
- ช่วยเก็บความชื้น
- เพิ่มเนื้อสัมผัสลักษณะภายนอกใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีรสหวานขนาดบรรจุ 250 กิโลกรัม ถังเหล็กอุตสาหกรรมที่ใช้อุตสาหกรรมอาหาร
- คอตเตจชีส
- ผลิตภัณฑ์นม ยกเว้น นมจืดชนิดเหลว นมเปรี้ยวไม่ปรุง แต่ง
- ครีมพาสเจอร์ไรส์ ครีมสเตอริไลส์ ครีมยูเอชที วิปปิ้งครีม ครีมไขมันต่ำ และคอตเตจชีส
- ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำผสมน้ำมัน (อิมัลชั่น) เช่น เนยเทียม มินารีน รวมทั้งขนมหวานทำนองนี้
- ไอศกรีม
- ผลไม้ที่ผ่านกรรมวิธี เช่น ผลไม้แห้ง ผลไม้ผ่านกรรมวิธีแคนนิ่งขนมหวานจากผลไม้ เป็นต้น
- พืชผัก สาหร่าย ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชต่าง ๆ ที่ผ่านกรรมวิธี เช่น พืชผักแห้ง พืชผักที่ผ่านกรรมวิธีแคนนิ่ง เป็นต้น ยกเว้นกรรมวิธีเยือกแข็งและหมักดอง
- ผลิตภัณฑ์ขนมหวาน เช่น ลูกกวาด ลูกอม ช็อกโกแลต หมากฝรั่ง เป็นต้น
- ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ธัญพืชอาหารเช้า ขนมหวานจากธัญพืช แป้งสำหรับชุบอาหารทอด และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
- ผลิตภัณฑ์ขนมอบ เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก คุกกี้ ขนมพาย เป็นต้น
- ผลิตภัณฑ์เนื้อ ยกเว้นเนื้อสด
- สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ยกเว้นสัตว์น้ำสดและสัตว์น้ำเยือกแข็ง
- ผลิตภัณฑ์ไข่ ยกเว้นไข่สด ไข่เหลว และไข่เยือกแข็ง
- ผลิตภัณฑ์ประเภทซอส ซุป สลัด และผลิตภัณฑ์โปรตีนสกัด
- อาหารสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
- เครื่องดื่ม ยกเว้นน้ำผักผลไม้ น้ำแร่ธรรมชาติ ชา กาแฟ เครื่องดื่มสมุนไพรชนิดชงและเครื่องดื่มจากธัญพืชอุตสาหกรรมสบู่ อุตสาหกรรมการเกษตร - การถนอมอาหารใช้ในการละลายน้ำแข็ง
- ฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆ 2-3 ลูกใส่ในน้ำเย็น 1 ป๋อง ประมาณ 10 ลิตร เติมการบูร 2 แท่ง ตั้งทิ้งไว้ในห้องที่ทาสีใหม่ๆ ปิดประตู หน้าต่างให้หมด น้ำมะนาวและการบูรจะช่วยดูดกลิ่นสีได้อย่างดี - ผ้าที่เปื้อนน้ำหมาก เปื้อนหมึก ใช้น้ำตาลทรายเล็กน้อย โรยตรงรอยเปื้อนหยดน้ำลงไปพอชุ่ม แล้วถูด้วยมะนาวจะลบรอยเปื้อนได้ - เตารีดร้อนจัดรีดผ้าขาวจะทำให้ผ้าเหลือง ให้เอาน้ำมะนาวทาที่เตารีด ก่อนรีดผ้าจะแก้ได้ - ต้มผ้าให้สะอาด ฝานมะนาว 2-3 ชิ้น ใส่ด้วย ช่วยให้ผ้าสะอาด - ใช้มะนาว เกลือป่น ถูบริเวณที่เสื้อขาวเปื้อนเลือด ซักด้วยน้ำเย็นจะออกหมด - เครื่องใช้ที่เป็นหนังทิ้งไว้นานหลายปีทำให้แข็งกระด้าง เอาน้ำมะนาวขัดถู ทำให้หนังนิ่มแล้วใช้ยาขัดอีกที จะทำให้ดูใหม่ขึ้น
3.4น้ำมันเปปเปอร์มิ้นท์
(Peppermint Oil)
น้ำมันเปปเปอร์มิ้นท์ (Peppermint Oil)
สรรพคุณ
: ช่วยกระตุ้นร่างกายช่วยให้มีความรู้สึก
ตื่นตัวและเย็นสดชื่น ระงับความรู้สึกปวดหัว ไมเกรน ช่วยคลายความอ่อนล้า
ป้องกันอาการไซนัส ไข้หวัดและครั่นเนื้อตัว คลื่นไส้และวิงเวียนเมารถเมาเรือ
เสียดท้องและท้องเสีย บรรเทาการระคายเคืองผิว
คุณสมบัติ
: The
chemical components of peppermint oil are menthol, menthone, 1,8-cineole,
methyl acetate, methofuran, isomenthone, limonene, b-pinene, a-pinene,
germacrene-d, trans-sabinene hydrate and pulegone.
ผลของสารต่อสุขภาพด้านบวกและด้านลบ
ด้านบวก : มีคุณสมบัติคล้ายกับสรรพคุณ
เป็นยาแก้ปวด ยาชา ยาฆ่าเชื้อ ฝาด ขับลม กระตุ้นให้ร่างกายทำงาน
ด้านลบ : น้ำมันเปปเปอร์มิ้นท์ไม่มีส่วนผสมที่เป็นพิษและส่วนที่ทำให้ระคาย
แต่อาจมีปัญหาสำหรับบางคน เพราะมีส่วนผสมของเมนทอล
ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังที่เปราะบาง เช่น ผิวหนังที่ใกล้ๆดวงตา
หลีกเลี่ยงใช้ระหว่างตั้งครรภ์และไม่ควรให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า7ปีใช้
3.5ผงฟอง
IUPAC name : Sodium lauryl sulfate
ชื่ออื่น : Sodium monododecyl sulfate, Sodium lauryl sulfate, Sodium monolauryl sulfate, Sodium dodecanesulfate, Sodiumcoco-sulfate, dodecyl alcohol, hydrogen sulfate, sodium salt, n-dodecyl sulfate sodium, Sulfuric acid monododecyl ester sodium salt
ชื่ออื่น : Sodium monododecyl sulfate, Sodium lauryl sulfate, Sodium monolauryl sulfate, Sodium dodecanesulfate, Sodiumcoco-sulfate, dodecyl alcohol, hydrogen sulfate, sodium salt, n-dodecyl sulfate sodium, Sulfuric acid monododecyl ester sodium salt
คำอธิบาย : Sodium lauryl sulfate เรียกชื่อย่อว่า SLS
เป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นมา มีคุณสมบัติเป็นแรงตึงผิวของน้ำ
ทำให้เกิดฟอง ช่วยให้สิ่งสกปรก
คราบไขมันหลุดออกไปได้ง่ายขึ้นทำให้เกิดฟองในผลิตภัณฑ์ ใช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภท
เช่น น้ำยาล้างจาน เครื่องสำอาง ซึ่งเครื่องสำอางที่นิยมผสมสารนี้ ได้แก่
เครื่องสำอางที่ใช้แล้งล้างออกด้วยน้ำ เช่น สบู่เหลว แชมพู ยาสีฟัน เป็นต้น
การละลาย : ละลายในน้ำ
การละลาย : ละลายในน้ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น